ดูหนัง Necromancer (2005) จอมขมังเวทย์
ทุกท่าน! หากจะพูดถึงหนังแอ็คชั่นไทยที่ผสมผสาน “ไสยศาสตร์” เข้ากับโลกอาชญากรรมสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวและน่าขนลุกที่สุด ชื่อของ จอมขมังเวทย์ จะต้องเป็นชื่อแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึง นี่คือภาพยนตร์ที่เป็นเหมือนการแจ้งเกิดของผู้กำกับ/เขียนบทมือฉมัง พี่โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ และเป็นการตอกย้ำความเป็นสุดยอดนักแสดงของ พี่นก-ฉัตรชัย วันนี้เราจะมา “ดูหนัง” ที่จะทำให้คุณทึ่งไปกับโลกของไสยเวทย์ที่สมจริงและดุดัน!
เรื่องย่อ
อิทธิ (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) อดีตนายตำรวจผู้ถูกใส่ร้ายจนต้องติดคุก แต่ในคุกนั้นเอง เขาได้ศึกษา “ไสยเวทย์” และศาสตร์มืดต่างๆ จนกลายเป็น “จอมขมังเวทย์” ผู้มีอาคมแก่กล้า สามารถอยู่ยงคงกระพันต่อศาสตราวุธทุกชนิด เมื่อพ้นโทษออกมา อิทธิได้ใช้วิชาอาคมของเขาออกไล่ล่าและสังหารเหล่าคนชั่วที่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ เขากลายเป็นศาลเตี้ยผู้น่าเกรงขามที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้
ความร้อนแรงนี้ทำให้ทางการต้องส่ง สันติ (อครา อมาตยกุล) นายตำรวจหนุ่มไฟแรงผู้ยึดมั่นในหลักวิทยาศาสตร์และไม่เชื่อเรื่องงมงาย มาเป็นผู้ตามล่าอิทธิโดยเฉพาะ การไล่ล่าระหว่างคนสองคนจึงเริ่มต้นขึ้น คนหนึ่งใช้ “อาคม” เป็นอาวุธ ส่วนอีกคนใช้ “กฎหมาย” และ “เหตุผล” แต่ยิ่งสันติเข้าใกล้อิทธิมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เขาไม่เคยเชื่อ และเริ่มตระหนักว่า… การจะล้มจอมขมังเวทย์ได้นั้น เขาอาจจะต้องก้าวข้ามเส้นแบ่งและดำดิ่งสู่โลกแห่งไสยศาสตร์เสียเอง! movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงนำและผู้กำกับ
- ฉัตรชัย เปล่งพานิช (นก) รับบทเป็น อิทธิ: การแสดงระดับ “ตำนาน” อย่างแท้จริง! พี่นกถ่ายทอดบทบาทจอมขมังเวทย์ผู้มีทั้งความน่าเกรงขาม, ความเจ็บปวด, และเสน่ห์ที่น่าขนลุกได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนคว้ารางวัล “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม” จากเวทีสุพรรณหงส์ไปครอง
- อครา อมาตยกุล (กอล์ฟ) รับบทเป็น สันติ
- ผู้กำกับ/เขียนบท: ก้องเกียรติ โขมศิริ (โขม) นี่คือผลงานที่สร้างชื่อให้เขาในฐานะ “เจ้าพ่อหนังแอ็คชั่น-ดราม่า-ไสยเวทย์” ของเมืองไทย ก่อนที่เขาจะไปสร้างจักรวาล ขุนพันธ์ อันยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมา!
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
จอมขมังเวทย์ คือการยกระดับหนังไสยศาสตร์ไทยไปอีกขั้น
- ความสมจริงที่น่าขนลุก: หนังเรื่องนี้โดดเด่นอย่างมากในการนำเสนอ “ไสยเวทย์” ในรูปแบบที่ดู “สมจริง” และ “จับต้องได้” มันไม่ใช่เวทมนตร์แฟนตาซี แต่เป็นศาสตร์มืดที่ดูดิบเถื่อนและน่าเกรงขาม ทำให้โลกในหนังดูน่าเชื่อถือและอันตราย
- โทนเรื่องที่ดาร์กและดิบเถื่อน: หนังเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หม่นหมอง, กดดัน, และความรุนแรงที่ไม่ประนีประนอม เป็นหนังแอ็คชั่น-ทริลเลอร์สำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ
- การปะทะกันของความเชื่อ: หัวใจของหนังคือการต่อสู้กันระหว่าง “วิทยาศาสตร์/กฎหมาย” (ตัวแทนโดยสันติ) และ “ไสยศาสตร์/ศรัทธา” (ตัวแทนโดยอิทธิ) ซึ่งหนังนำเสนอได้อย่างน่าสนใจและไม่ตัดสินฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
- IMDb: ให้คะแนนสูงถึง 6.5/10
- แม้จะไม่มีคะแนนใน Rotten Tomatoes แต่ จอมขมังเวทย์ คือหนังที่กวาดรางวัลใหญ่ในประเทศไทยและกลายเป็นหนังคัลท์คลาสสิกที่คอหนังไทยรักและยกย่องมาจนถึงทุกวันนี้
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังแอ็คชั่นไทยที่มีกลิ่นอายของไสยเวทย์ เราขอแนะนำ:
- ขุนพันธ์ (Khun Phan) : ผลงานของผู้กำกับคนเดียวกัน ที่เปรียบเสมือนการสานต่อและยกระดับจิตวิญญาณของจอมขมังเวทย์ในสเกลที่ยิ่งใหญ่กว่า
- เฉือน (Slice) (2009): หนังทริลเลอร์-สืบสวนสุดโหดจากผู้กำกับคนเดียวกัน ที่แม้จะไม่มีไสยศาสตร์ แต่ก็มีความดิบเถื่อนและกดดันในระดับเดียวกัน
- Constantine (2005): หนังฮอลลีวูดที่ออกฉายในปีเดียวกัน ว่าด้วยการต่อสู้กับปีศาจและศาสตร์มืด
- The Wailing (2016): หนังสยองขวัญ-สืบสวนจากเกาหลีใต้ ที่ผสมผสานเรื่องราวตำรวจกับไสยศาสตร์พื้นบ้านได้อย่างยอดเยี่ยม
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: “ขมังเวทย์” คืออะไร?
A: มาจากคำว่า “ขมัง” ที่แปลว่า เชี่ยวชาญ, แม่นยำ รวมกับ “เวท” ที่หมายถึงเวทมนตร์คาถาครับ “จอมขมังเวทย์” จึงหมายถึงสุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านไสยเวทย์ ซึ่งในหนังจะหมายถึงผู้ที่ฝึกตนจนสามารถอยู่ยงคงกระพันได้
Q: หนังเรื่องนี้เป็นหนังผีหรือเปล่า?
A: ไม่ใช่หนังผีแบบดั้งเดิมครับ แต่เป็น “หนังแอ็คชั่น-ไสยเวทย์” (Occult Action-Thriller) ความน่ากลัวของหนังมาจากพลังของคาถาอาคมและความรุนแรงของมนุษย์ ไม่ได้มาจากผีตุ้งแช่
Q: มีภาคต่อไหม?
A: มี มีภาคต่อ/รีบูตในชื่อ จอมขมังเวทย์ 2020 (Necromancer 2020) ซึ่งกำกับโดยทีมงานเดิม แต่มีนักแสดงและเนื้อเรื่องใหม่ครับ
บทสรุป: จอมขมังเวทย์ (2005) คือภาพยนตร์ระดับตำนานของวงการหนังแอ็คชั่นไทย เป็นผลงานที่ทั้งดิบ, เท่, ฉลาด, และเต็มไปด้วยการแสดงอันน่าทึ่ง หากคุณเป็นแฟนหนังไทยและชื่นชอบเรื่องราวของไสยศาสตร์… นี่คือหนัง “ต้องดู” ที่คุณห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!