ดูหนัง Restart the Earth (2021) ปฏิบัติการรีเซตโลก
วันนี้เราจะมาพูดถึงภาพยนตร์ภัยพิบัติจากประเทศจีน ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์สุดบ้าคลั่งและจินตนาการสุดล้ำ กับ “Restart the Earth” (2021) หรือในชื่อไทย “ปฏิบัติการรีเซตโลก” หนังที่จะพาคุณไปพบกับวันสิ้นโลกในรูปแบบใหม่ เมื่อ “ธรรมชาติ” ที่เราเคยคิดว่าสวยงาม กลับกลายเป็นผู้ล่าที่โหดเหี้ยมที่สุด!
เรื่องย่อ: วันสิ้นโลกสีเขียว
ในอนาคตอันใกล้ มนุษยชาติกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตภาวะโลกร้อนและปัญหาทะเลทรายที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อต่อสู้กับปัญหานี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนายาเร่งการเจริญเติบโตของพืชขึ้นมา โดยหวังจะเปลี่ยนทะเลทรายให้กลายเป็นป่าอีกครั้ง แต่แล้วโครงการนี้กลับผิดพลาดอย่างมหันต์!
ยาที่ถูกปล่อยออกไปได้ทำให้พืชทั่วโลกเกิดการกลายพันธุ์และเติบโตอย่างบ้าคลั่ง พวกมันไม่ได้เป็นแค่มิตรสีเขียวอีกต่อไป แต่กลับมีสติปัญญาและความสามารถในการเคลื่อนไหวราวกับสัตว์ร้าย เถาวัลย์ขนาดยักษ์เข้าทำลายล้างเมืองต่างๆ และพืชกินคนก็ออกไล่ล่ามนุษย์จนแทบสิ้นเผ่าพันธุ์
ท่ามกลางความโกลาหลและความสิ้นหวัง ทีมปฏิบัติการพิเศษ นำโดยยอดฝีมืออย่าง หยางฮ่าว ต้องต่อสู้ฝ่าดงพืชพันธุ์มรณะเข้าไปใจกลางเมืองที่ล่มสลาย เพื่อปฏิบัติภารกิจสุดท้ายในการยับยั้งหายนะครั้งนี้และ “รีเซต” ระบบนิเวศของโลกให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ก่อนที่มนุษยชาติจะถูกลบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์!
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
แนะนำนักแสดง
- เหอเฉิงจวิน (He Shengming)
- จางหมิงซาน (Zhang Mingcan)
- มิกิ (Miya Muqi)
โปสเตอร์หนัง

รีวิวจัดเต็ม: หนังหายนะสไตล์ B-Movie ที่ดูเอามันส์ได้เพลินๆ
Restart the Earth คือภาพยนตร์ที่ต้องบอกกันตามตรงว่าเป็นหนังไซไฟ-หายนะเกรดบี (B-Movie) ที่มีพล็อตเรื่องและตัวละครที่เดินตามสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ทุกประการ เราจะได้เห็นตัวเอกผู้กล้าหาญ, ภารกิจเสี่ยงตาย, และฉากแอ็คชั่นต่อสู้กับสัตว์ประหลาด (ในที่นี้คือต้นไม้) ที่เราคุ้นเคยกันดี
จุดที่น่าชื่นชมคือ “ไอเดีย” ของเรื่องที่ถือว่ามีความสร้างสรรค์และน่าสนใจ การนำเสนอภาพของเมืองที่ล่มสลายและถูกปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์ขนาดยักษ์นั้นทำออกมาได้ดูยิ่งใหญ่และน่าตื่นตาตื่นใจในหลายๆ ฉาก ใครที่ชอบดูหนังแนวสัตว์ประหลาดหรือวันสิ้นโลกน่าจะเพลิดเพลินไปกับจินตนาการสุดล้ำในส่วนนี้
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของหนังคือ เทคนิคพิเศษ (CG) ที่ในหลายๆ ฉากยังคงดูไม่สมจริงและลอยอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงบทภาพยนตร์ที่ค่อนข้างอ่อนและเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผล แต่ถ้าหากคุณเป็นผู้ชมที่สามารถ “ปิดสวิตช์สมอง” และดูเพื่อความบันเทิงแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ปฏิบัติการรีเซตโลก ก็ถือเป็นหนังที่ดูสนุกฆ่าเวลาได้เรื่องหนึ่ง
คะแนนจากผู้ชม:
jgesselberty
😍 5/10
จะเป็นยังไงถ้าเราสร้างหนังไซไฟที่มีเนื้อเรื่องดี มี CGI และเทคนิคพิเศษที่พอรับได้ แล้วเราก็เพิ่มนักแสดงที่อย่างน้อยก็ดูโดดเด่นในหนังเกรดบีเข้าไป แล้วเราก็เพิ่มเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ทำอะไรเลย ตลอดทั้งเรื่องมีแต่ร้องว่า “พ่อ พ่อ” ใช่ พ่อ พ่อ พ่อ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมนับได้ 30 ครั้งหรือมากกว่านั้นใน 20 นาทีแรกของหนัง ในทุกจังหวะ ทุกช่วงเวลาที่ตึงเครียด ทุกครั้งที่มีโอกาส มันก็มีแต่พ่อ พ่อ พ่อ แล้วตอนท้ายเรื่องพวกเขายังให้เธอพูดด้วยน้ำเสียงคร่ำครวญเพื่อทำให้เรารำคาญมากขึ้นอีก เอาจริงๆ ถ้าคุณดูหนังเรื่องนี้แล้วไม่สนใจเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นได้ คุณก็จะไม่เสียเวลาเปล่า อย่างที่บอกไป มันมีพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ คล้ายๆ “Day of the. Triffids” ที่เพิ่มสเตียรอยด์เข้าไปและมีเอฟเฟกต์ที่ดีกว่า
n_earl_roberts
😍 5/10
แม้จะไม่ได้เต็มไปด้วยโทนปรัชญาอันลึกซึ้งนัก แต่ถ้าคุณลองสำรวจดูตั้งแต่แรกและอย่าตั้งเป้าไว้สูงเกินไป คุณก็ไม่น่าจะผิดหวังจนเกินไป ตัวเรื่องเองค่อนข้างตรงไปตรงมา และไม่ได้ดูน่าเบื่ออย่างที่คิด พืช นักวิทยาศาสตร์เพี้ยนๆ ที่กำลังง่วนอยู่กับสิ่งที่ไม่ควรจะเป็น จบโลก อะไรทำนองนั้น การจัดฉากของเรื่องนั้น เอ่อ ไม่มีอะไรโดดเด่น การจัดฉากและฉากต่างๆ ถือว่าใช้ได้ในระดับที่ดีที่สุด แต่ที่แย่กว่านั้นคือ บางครั้งก็ดูธรรมดาจนน่าหัวเราะ ยกตัวอย่างเช่น ที่เห็นตัวละครเดินข้ามภูมิประเทศระหว่างตึกระฟ้ากับรถยนต์บนท้องถนนในบางฉาก ความคมชัดของเส้นขอบฟ้าที่กว้างกว่านั้นดูราบเรียบอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกถึงเอฟเฟกต์ฉากเขียวอย่างชัดเจน มันบ่งบอกถึงงบประมาณที่ต่ำมากจริงๆ ส่วนอื่นๆ ของการจัดฉากของเรื่อง นักแสดง เป็นเรื่องที่ต่างออกไป การแสดงบางส่วนก็โอเค บางส่วนก็ออกแนวเว่อร์วังอลังการเกินไป และบางส่วนก็แย่มาก ยกตัวอย่างเช่น สุภาพบุรุษที่รับบท “21” นักวิทยาศาสตร์จอมอ้วน (และตัวประกอบตลก) แสดงได้ไม่ดีนัก คำวิจารณ์นี้อาจจะรุนแรงไปหน่อย เพราะผมดูเวอร์ชั่นภาษาจีนที่มีคำบรรยาย (ผมดูหนังพากย์เสียงไม่ได้) และบทพูดของเขาหลายบทก็แปลผิดเพี้ยนไปมาก สุดท้ายก็เด็กคนนี้ เด็กคนนี้ควรได้รับรางวัลออสการ์ในฐานะตัวละครเด็กที่น่ารำคาญและไร้เหตุผลที่สุดในหนังทุกเรื่อง นับตั้งแต่ที่ดาโกตา แฟนนิงรับบทเรเชล เฟอร์ริเออร์ใน War of the Worlds ของสตีเวน สปีลเบิร์ก ปี 2005 แน่นอนว่าเมื่อหนังดำเนินไปและเด็กคนนี้เริ่มน่ารำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ คุณคงหวังว่าพืชจะเอาใจผู้ชมด้วยการกินเธอเข้าไป และเมื่อหนังจบ คุณก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่าพ่อของเด็กคนนี้ช่วยชีวิตคนถูกคนหรือเปล่า..
Top_Dawg_Critic
😍 5/10
ภาพกราฟิกก็ใช้ได้นะ สำหรับ CGI ยุค 90 ซึ่งผมก็รับได้ แต่เนื้อเรื่อง โดยเฉพาะบทสนทนา มันซ้ำซากจำเจและเว่อร์วังอลังการเกินไป แม้จะยาวแค่ 89 นาที ผมก็เบื่อกับฉากที่ยืดเยื้อและส่วนใหญ่ก็ไม่จำเป็น ฉากนั้นก็ซ้ำซากจำเจและคาดเดาได้แบบ “ยืดเยื้อสุดขีด” ฉากข้ามสะพานทั้งหมดให้ความรู้สึกเหมือนยาว 20 นาที และคุณสามารถคาดเดาได้ง่ายว่าจะเกิดอะไรขึ้นในแต่ละฉาก หนังทั้งเรื่องน่าจะตัดเหลือแค่ 20 นาทีได้ง่ายๆ เลย และน่าจะสนุกกว่านี้มาก การคัดเลือกนักแสดงและการแสดงส่วนใหญ่ก็โอเค บางเรื่องก็เชยและฝืนเกินไปสำหรับผม ยังมีหนังหายนะที่ดีกว่านี้อีกเยอะ แม้แต่หนังยุค 80 ก็ตาม แต่เรื่องนี้ถูกโปรโมทเกินจริงโดยไม่มีเหตุผล ถึงแม้ตัวอย่างหนังจะดูน่าสนใจ แต่ตัวหนังจริงกลับห่วยมาก ผมให้ 5/10 เลย
ภาพยนตร์แนวคล้ายกันที่แนะนำ
หากคุณกำลังมองหาหนังแนวไซไฟ-หายนะคุณภาพเยี่ยม เราขอแนะนำ:
- The Wandering Earth (2019) โลกพเนจร: สุดยอดภาพยนตร์ไซไฟฟอร์มยักษ์จากจีน ที่มาพร้อมกับงานสร้างระดับฮอลลีวูดและไอเดียสุดล้ำ
- Love and Monsters (2020): หนังผจญภัยในโลกที่ล่มสลายและเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ ที่ทั้งสนุก, ตลก และอบอุ่นหัวใจ
- A Quiet Place (2018) ดินแดนไร้เสียง: หนังระทึกขวัญ-เอาชีวิตรอดที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์สุดเจ๋งและการสร้างความตึงเครียดได้อย่างยอดเยี่ยม
- Godzilla vs. Kong (2021): การปะทะกันของสองอสูรกายยักษ์ในตำนานที่รับประกันความมันส์และฉากวินาศสันตะโรสุดอลังการ
สำหรับใครที่เป็นแฟนหนังแนว B-Movie และอยากดูหนังแอ็คชั่น-สัตว์ประหลาดที่พล็อตเรื่องหลุดโลกแบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะ Restart the Earth (2021) ก็เป็นตัวเลือกที่ดูสนุกได้เพลินๆ ครับ สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ที่ Movie24HD
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: หนังเรื่องนี้เป็นหนังฟอร์มยักษ์จากจีนหรือไม่?
A: ไม่ใช่ครับ เป็นหนังที่สร้างเพื่อฉายทางสตรีมมิ่งออนไลน์ (Web Movie) ซึ่งจะมีทุนสร้างและคุณภาพของงานสร้างโดยรวมน้อยกว่าหนังที่ฉายในโรงภาพยนตร์ครับ
Q: หนังเรื่องนี้เหมือนกับหนังฮอลลีวูดเรื่องไหนบ้าง?
A: หนังได้รับแรงบันดาลใจและมีกลิ่นอายคล้ายกับหนังหลายเรื่อง เช่น Godzilla (ในแง่ของสัตว์ประหลาดยักษ์ถล่มเมือง), I Am Legend (ในแง่ของเมืองที่ล่มสลาย) และหนังแนวเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ทั่วไปครับ
Q: CG ในเรื่องแย่มากไหม?
A: ต้องยอมรับว่าคุณภาพของ CG ในเรื่องนี้ค่อนข้างไม่สม่ำเสมอครับ บางฉากทำออกมาได้ดี แต่หลายๆ ฉากก็ยังดูไม่สมจริง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของหนังแนว Web Movie ที่มีทุนสร้างจำกัด