นักแสดงนำและผู้กำกับ
- อนันดา เอเวอริงแฮม รับบทเป็น ธรรม์
- ณัฐฐาวีรนุช ทองมี (จ๋า) รับบทเป็น เจน
- อชิตะ สิกขมานา รับบทเป็น เนตร
- ผู้กำกับ: บรรจง ปิสัญธนะกูล และ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ นี่คือผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก ที่สร้างชื่อให้ทั้งสองกลายเป็นผู้กำกับแถวหน้าของวงการหนังสยองขวัญไทยและเอเชียในทันที! (ซึ่งต่อมา คุณบรรจงก็ได้สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งกับ พี่มาก..พระโขนง และ ร่างทรง)
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ คือภาพยนตร์สยองขวัญที่ “สมบูรณ์แบบ” อย่างแท้จริง
- พล็อตเรื่องสุดอัจฉริยะ: การนำเอา “ภาพถ่ายติดวิญญาณ” ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่คนคุ้นเคยกันดี มาขยายความและสร้างเป็นพล็อตเรื่องได้อย่างแข็งแรงและน่าติดตาม คือความยอดเยี่ยมที่สุดของหนังเรื่องนี้
- การสร้างความน่ากลัวระดับชั้นครู: หนังเรื่องนี้คือบทเรียนของการสร้างฉากสยองขวัญ มันผสมผสานทั้งบรรยากาศที่ค่อยๆ กดดัน, ฉาก Jump Scare ที่ได้ผลจนคนดูสะดุ้งทั้งโรง, และความหลอนทางจิตวิทยาได้อย่างลงตัว
- ตอนจบที่กลายเป็นตำนาน: ห้ามสปอยล์โดยเด็ดขาด! ตอนจบของหนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การหักมุมที่น่าตกใจ แต่มันคือการ “เฉลย” ที่สมเหตุสมผลและทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่หนังปูมาทั้งเรื่องน่าขนลุกขึ้นเป็นสิบเท่า! เป็นหนึ่งในตอนจบที่ดีที่สุดตลอดกาลของวงการหนังสยองขวัญโลก
- IMDb: ให้คะแนนสูงถึง 7.0/10
- Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์สูงถึง 97% (จากผลโหวต) ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความยอดเยี่ยมในระดับสากล และหนังเรื่องนี้ยังประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายจนฮอลลีวูดและอีกหลายชาติต้องซื้อไปรีเมค
RedSharkz
⭐8/10
Shutter เริ่มต้นด้วยการใช้ปรากฏการณ์ผีที่ปรากฏบนภาพถ่ายเป็นธีมหลัก แต่โดยรวมแล้ว หนังเผยให้เห็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักที่พลัดพรากและอดีตอันขมขื่นของตัวละครหลัก ผมไม่ได้คาดหวังอะไรจาก มากนัก เพราะคิดว่าจะเป็นหนังสยองขวัญธรรมดาๆ อีกเรื่องหนึ่ง (และหนังเรื่องนี้มาจากประเทศไทย ซึ่งเคยสร้างหนังแนวนี้คุณภาพต่ำมาแล้ว) สุดท้ายแล้วผมชอบมันนะ โอเค ถึงจะมีหนังสยองขวัญแบบเอเชียซ้ำซาก แต่เนื้อเรื่อง เรื่องราว และปริศนาเชื่อมโยงกันได้ดี ยังไม่รวมถึงเอฟเฟกต์เสียงที่น่าตกใจและบทสรุปที่ยอดเยี่ยม ถือเป็นหนังสยองขวัญที่แฟนหนังเอเชียต้องประทับใจมาก แนะนำเลย (8/10)
Mappyman
⭐8/10
เมื่อมีภาพยนตร์สยองขวัญญี่ปุ่นมากมายออกฉาย จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นภาพยนตร์ดีๆ อย่าง Shutter ที่ไม่ได้มาจากญี่ปุ่น แต่มาจากประเทศไทย เล่าเรื่องราวของ Tun นักศึกษาจบมัธยมปลายที่เพิ่งจบการศึกษาและมีความสนใจในการถ่ายภาพอย่างมาก ขณะขับรถดึกดื่นคืนหนึ่งกับ Jane แฟนสาว จูออนและริงกุ จูออนและเจน แฟนสาวของเขา จูออนและเจน … ที่น่าสังเกตอีกอย่างคือบางฉาก (เอฟเฟกต์ผมแบบที่เห็นใน JuOn, ผีปอบคลานแบบใน Ringu) ก็หยิบยืมมาจากฉากเหล่านั้นเช่นกัน ถ้าออกฉายก่อนหน้านั้น มันก็คงตรงกันข้ามกันแน่นอน แต่ถ้าให้เครดิต ก็ถือว่าหนังสยองขวัญเรื่องนี้ทำได้ดีทีเดียว
เอฟเฟกต์น่ากลัวส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นในหนังเรื่องไหนมาก่อน และจะสะดุ้งสุดตัว เนื้อเรื่องยังมีจุดหักมุมที่ดีมากๆ ที่ทำให้หนังยิ่งน่าขนลุกขึ้นไปอีก การแสดงของหนังเรื่องนี้ก็ทำได้ดีมากเช่นกัน ต้องยอมรับว่ามีหนังไทยไม่กี่เรื่องที่ได้รับความสนใจมากนัก แต่มันก็ดีพอๆ กับหนังสยองขวัญเรื่องอื่นๆ หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ยังคงเป็นหนังสยองขวัญที่จริงจังและไม่ได้อยู่ในแนว “หนังสยองขวัญ” แบบเดิมๆ (ยกเว้นฉากเดียว) ซึ่งหาได้ยาก เอฟเฟกต์พิเศษในเรื่องนี้ค่อนข้างน้อย แต่ก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความน่ากลัวมากเกินไปอยู่แล้ว เสียงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในเสียงกรีดร้องสุดเสียง -Shriek!- หรือเสียงปัง
frxrjky
⭐7/10
ฉันไม่ใช่แฟนหนังสยองขวัญนะ แต่ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาดูหนังสยองขวัญอเมริกันมาเยอะพอสมควร และไม่มีเรื่องไหนทำให้ฉันกลัวได้เท่าเรื่องนี้เลย ตอนแรกคิดว่าไม่กลัวหนังสยองขวัญแล้ว จนกระทั่งได้ดูเรื่องนี้ จริงๆ แล้วฉันคิดผิด เพราะตอนดูดน้ำ ฉันสะดุ้งโหยงกรี๊ดเป็นล้านรอบ ต้องดูอะไรตลกๆ ก่อนนอนเพื่อจะได้เลิกคิดถึงฉากหลอนๆ พวกนี้ นึกถึง The Grudge เวอร์ชันญี่ปุ่นที่ยังหลอนอยู่เลย แม้จะผ่านไปกว่าสิบปีแล้วก็ตาม!! หวังว่าปี 2031 ฉันจะลืมหนังเรื่องนี้ไปได้นะ
bjornrhein
⭐7/10
ในสวีเดน หนังเรื่องนี้หาดูยากถ้าอยากได้แบบแผ่นๆ แถมยังเป็นที่นิยมมากในหมู่นักสะสมด้วย แน่นอนว่าหนังรีเมคหาได้ทั่วไป แต่มันก็บอกได้ว่าคนสองคนนี้ต้องการแบบไหน เนื้อเรื่องก็เหมือนหนังสยองขวัญเอเชียทั่วๆ ไป พวกเขาใช้การแก้แค้นเยอะมากในหนังทุกเรื่อง ซึ่งผมชอบ เนื้อเรื่องเขียนได้ดี การผลิตก็ดีมากเช่นกัน แต่ที่ดีที่สุดคือความหลอนและความหลอนที่โอบล้อมหนังทั้งเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ นี่คือวิธีการสร้างหนังสยองขวัญที่ดี และมันเกือบจะสมบูรณ์แบบ ต้องขอติแค่เรื่องการแสดงที่บางทีก็ดูลังเล แต่นี่มันหนังสยองขวัญที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังสยองขวัญสไตล์เอเชียที่เน้นบรรยากาศและความกดดัน เราขอแนะนำ:
- The Ring (2002): ตำนานหนังผี J-Horror ที่ว่าด้วยวิดีโอเทปต้องคำสาป
- The Grudge (Ju-On) (2004): อีกหนึ่งหนังผีญี่ปุ่นในตำนานที่ว่าด้วยวิญญาณอาฆาตในบ้าน
- The Eye (คนเห็นผี) (2002): หนังผีจากฮ่องกงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในยุคเดียวกัน
- ลัดดาแลนด์ (Ladda Land) (2011): ผลงานเรื่องถัดมาของผู้กำกับ บรรจง ปิสัญธนะกูล ที่ยังคงความสยองและเพิ่มความดราม่าได้อย่างเข้มข้น
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้น่ากลัวมากแค่ไหน?
A: ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในหนังที่น่ากลัวที่สุดตลอดกาลครับ! มันคือส่วนผสมที่ลงตัวของความหลอนทางจิตวิทยา, บรรยากาศที่กดดัน, และฉาก Jump Scare ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมที่สุด ไม่เหมาะสำหรับคนขวัญอ่อนอย่างยิ่ง
Q: ตอนจบที่ทุกคนพูดถึง มันสุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ?
A: ใช่ และอาจจะยิ่งกว่านั้น! มันคือการเฉลยที่สมบูรณ์แบบ ที่ไม่ใช่แค่ทำให้ตกใจ แต่ยังทำให้คุณต้องย้อนกลับไปคิดถึงฉากต่างๆ ทั้งเรื่องและรู้สึกขนลุกซ้ำอีกรอบ เป็นตอนจบที่จะติดอยู่ในใจคุณไปอีกนาน
Q: มีเวอร์ชั่นฮอลลีวูดรีเมคไหม? ควรดูอันไหน?
A: มีเวอร์ชั่นรีเมคของอเมริกาในปี 2008 ครับ แต่เสียงจากนักวิจารณ์และผู้ชมส่วนใหญ่ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า เวอร์ชั่นไทยปี 2004 นี้ยอดเยี่ยมและน่ากลัวกว่าในทุกมิติ คุณต้องดูต้นฉบับของไทยเท่านั้น!
บทสรุป: ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ คือภาพยนตร์มาสเตอร์พีซของวงการหนังสยองขวัญไทย และเป็นหนึ่งในหนังผีที่ดีที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย มันคือความบันเทิงสยองขวัญที่ทั้งฉลาด, น่ากลัว, และน่าจดจำ หากคุณจะดูหนังผีไทยในชีวิตนี้แค่เรื่องเดียว… เรื่องนั้นต้องเป็นเรื่องนี้