ทำความรู้จักทีมงานและนักแสดง
- ผู้กำกับ: ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone)
- นักแสดงนำ:
อยากติดตามผลงานอื่นๆ ของพวกเขาไหม? ลองค้นหาบนเว็บ Movie24HD ของเราได้เลย!
โปสเตอร์หนัง



รีวิวภาพรวม: หนังเพลง-เต้นรำที่เน้นสไตล์ยุค 80s
“Staying Alive” คือภาพยนตร์ที่แตกต่างจากภาคแรกอย่างสิ้นเชิง หนังได้ทิ้งความดิบและดราม่าที่สมจริงของ Saturday Night Fever ไปจนหมดสิ้น และหันมาเน้นความเป็น “หนังเพลง-เต้นรำ” ที่มีสไตล์แบบยุค 80s อย่างเต็มตัว ทั้งแฟชั่น, ดนตรี, และการออกแบบท่าเต้นที่ดูหวือหวาและยิ่งใหญ่ขึ้น
จุดแข็งที่สุดของหนังคือ “ฉากเต้นรำ” โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์ในละครเพลง “Satan’s Alley” ที่ทำออกมาได้อย่างยิ่งใหญ่อลังการ และแน่นอนว่า จอห์น ทราโวลตา ก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และลีลาการเต้นที่น่าทึ่งเช่นเคย ร่างกายที่ฟิตแอนด์เฟิร์มของเขาในเรื่องนี้กลายเป็นที่กล่าวขานอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หนังได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบอย่างถล่มทลายในด้านบทภาพยนตร์ที่ค่อนข้างตื้นเขินและขาดซึ่งความลึกซึ้งที่ภาคแรกเคยทำไว้ แต่ถ้าคุณมองหาหนังเพลงที่ดูสนุกๆ และชื่นชมในพลังดาราของจอห์น ทราโวลตา “Staying Alive” ก็ยังคงเป็นหนังที่มอบความบันเทิงได้เป็นอย่างดี
คะแนนจากนักวิจารณ์:
- IMDb: 4.7/10
- Rotten Tomatoes: 0% (คะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์)
Daniel-Couri
⭐ 8/10
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนักวิจารณ์ถึงชอบดูถูกหนังเรื่องนี้นัก โอเค มันไม่ได้มีความมหัศจรรย์เหมือนภาคก่อนอย่าง “Saturday Night Fever” แต่มันก็เป็นเหมือน “มุมมองยุค 80” ของหนังต้นฉบับ ประเด็นคือคุณควรดูหนังเรื่องนี้แบบจบเรื่อง ไม่ใช่ “ภาคต่อ” มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ “Saturday Night Fever” เลย แต่เกี่ยวกับตัวละครเอกอย่างโทนี่ มาเนโร (รับบทโดยจอห์น ทราโวลตาอีกครั้ง) และแม่ของเขา (จูลี่ โบวาสโซ) ที่ได้ปรากฏตัวสั้นๆ ข้ามมาปี 1977 สู่ปี 1983 ตอนนี้โทนี่อยากเป็นดาราบรอดเวย์และยังคงดิ้นรนเพื่อเป้าหมายที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เพราะตัวเขาเองก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้น “สาวน้อยอารมณ์ร้าย” ของมาเนโรในเรื่องนี้ก็คือลอร่า (รับบทโดยฟิโนลา ฮิวจ์ส ซึ่งไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่) ซึ่งก็ดูถูกเขาเช่นกัน สิ่งที่ตลกที่สุดของ “Staying Alive” ก็คือ กำกับโดยซิลเวสเตอร์ สตอลโลน! (ไม่มีใครจำได้เลย…) เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเพลงโปรดของผม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรในตอนที่ออกฉาย และตัวหนังเองก็เช่นกัน (ผมคิดว่าคนคงกลัว ‘กระแส Bee Gees’ อีกครั้ง) หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ อาชีพของทราโวลตาก็ตกต่ำลง ก่อนจะกลับมาโด่งดังอีกครั้งในช่วงปลายยุค 80 ด้วยภาพยนตร์เรื่อง “Look Who’s Talking” สรุปแล้ว ในความคิดของผม มันเป็นหนังที่ดีมาก แต่อย่าคาดหวังว่านี่จะเป็น “กระแส Saturday Night Fever” อีกครั้ง
Mr. Pulse
⭐ 8/10
การดู “Staying Alive” จะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น หนังเรื่องนี้ชวนให้สงสัยจริงๆ ทำให้เกิดคำถามมากมาย เช่น “ทำไมถึงสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา?” และ “ทำไมทราโวลตาถึงทำแบบนี้?” ผมคิดว่าช่วงเวลาเหล่านั้นคงเป็นช่วงเวลาที่ลำบากสำหรับบาร์บาริโน เราจึงควรผ่อนปรนให้เขาบ้าง ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน เขาน่าจะรู้ดีกว่านี้ Staying Alive คือภาคต่อของหนังฮิตและเหนือกว่าอย่าง “Saturday Night Fever” หนังเรื่องนี้แทบจะไม่ใช่ภาคต่อที่ใครๆ ก็อยากดู และผมก็ไม่แปลกใจเลยที่มันเป็นหนังที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ทราโวลตากลับมารับบท “Fever” อีกครั้งในบทบาทโทนี่ มาเนโร นักเต้นผมยาว แต่งตัวรัดรูป และสำเนียงแย่จากบรูคลิน เขาพยายามอย่างหนักที่สุดเพื่อก้าวขึ้นเป็นดาราดัง เขาประสบความสำเร็จหรือไม่? ต้องลองไปดูกัน บอกเลยว่ามันน่าตื่นเต้นมาก
หรือไม่ก็ “Alive” เป็นหนังตลกสุดฮา แม้จะด้วยเหตุผลที่ผิดๆ ก็ตาม จุดเด่นของเรื่องคือบทละครที่โทนี่ได้แสดง ชื่อว่า “Satan’s Alley” เป็นการลงสู่นรกของผู้ชาย เต็มไปด้วยแสงเลเซอร์ หมอก และผู้หญิงที่แต่งกายบางเบา นี่เป็นหนังบรอดเวย์เรื่องแรกที่ผมเคยได้ยินมา มีแต่การเต้นล้วนๆ ไม่มีการร้องเพลง การพูด หรือการพัฒนาตัวละคร ขอชื่นชมผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของหนังเรื่องนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาเคยดูละครบรอดเวย์มาเยอะ แม้แต่ “Cats” ก็ยังดูมีมิติมากกว่าหนังห่วยๆ เรื่องนั้น แต่จุดเด่นที่แท้จริงคือตัวทราโวลตาเอง กำกับโดยสตอลโลน เขามีความคล้ายคลึงกับแรมโบ้มากกว่าแค่ผิวเผินในเกือบทุกฉากสำคัญ ทุกครั้งที่เขาเต้นในภาพยนตร์ จะมีสองสิ่งเกิดขึ้น หนึ่ง) เขาจะเหงื่อออกและมันเยิ้มมาก หรือสอง) คุณจะเห็นภาพความน่าขยะแขยงของเขาเต็มไปหมด กางเกงเต้นนั่นคับเกินไป Staying Alive เป็นหนังที่แปลกมาก คุณจะรู้สึกเหมือนสตอลโลนและทีมงานคิดว่าพวกเขากำลังสร้างหนังที่ยอดเยี่ยม มันปรากฏให้เห็นในทุกฉากที่หมกมุ่นในตัวเองของหนังเรื่องนี้ มันจริงจังกับตัวเองมากเกินไปจนดูไร้สาระสิ้นดี แนะนำสำหรับแฟนหนังที่หนังห่วยแตกสุดๆ
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังแนวเพลง-เต้นรำแห่งยุค 80s เราขอแนะนำเรื่องเหล่านี้:
- Saturday Night Fever (1977): ภาคแรกสุดคลาสสิกที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งตำนาน
- Flashdance (1983): เรื่องราวของสาวโรงงานผู้มีความฝันอยากจะเป็นนักเต้นมืออาชีพ
- Footloose (1984): เมื่อหนุ่มเมืองกรุงต้องย้ายไปอยู่เมืองเล็กๆ ที่ “ห้ามเต้นรำ”!
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ทำไม ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ถึงมากำกับหนังเรื่องนี้?
A: ในช่วงเวลานั้น สตอลโลนกำลังโด่งดังสุดขีดจากแฟรนไชส์ Rocky และเขาก็เป็นเพื่อนสนิทกับ จอห์น ทราโวลตา เขาจึงเข้ามารับหน้าที่กำกับและร่วมเขียนบท เพื่อช่วยผลักดันให้ภาคต่อเรื่องนี้มีความเป็น “โชว์เคส” ที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์มากขึ้นครับ
Q: ทำไมหนังถึงได้คะแนน 0% บน Rotten Tomatoes?
A: นักวิจารณ์ในยุคนั้นมองว่าหนังได้ทำลาย “จิตวิญญาณ” และ “ความสมจริง” ของภาคแรกไปอย่างสิ้นเชิง และกลายเป็นหนังเพลงที่ฉาบฉวยและมีเนื้อหาที่ตื้นเขิน แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็ยังประสบความสำเร็จอย่างสูงในด้านรายได้ครับ
Q: เพลงประกอบในเรื่องโด่งดังเท่าภาคแรกหรือไม่?
A: แม้ว่าจะไม่สามารถสร้างปรากฏการณ์ได้เท่าอัลบั้มซาวด์แทร็กของภาคแรกซึ่งเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีที่สุดตลอดกาล แต่เพลงประกอบในภาคนี้ที่ส่วนใหญ่มาจากวง Bee Gees และ Frank Stallone (น้องชายของซิลเวสเตอร์) ก็ยังคงได้รับความนิยมและเป็นที่จดจำครับ โดยเฉพาะเพลง “Far from Over”