ทำความรู้จักทีมงานและนักแสดง
- ผู้กำกับ: จอห์น จี. อวิลด์เซน (John G. Avildsen) (ผู้กำกับ Rocky)
- นักแสดงนำ:
- ราล์ฟ มัชชิโอ (Ralph Macchio) รับบท แดเนียล ลารุสโซ่
- แพท โมริตะ (Pat Morita) รับบท คุณเคสุเกะ มิยากิ
- อลิซาเบธ ชู (Elisabeth Shue) รับบท อาลี มิลส์
- วิลเลียม แซบคา (William Zabka) รับบท จอห์นนี่ ลอว์เรนซ์
อยากติดตามผลงานอื่นๆ ของพวกเขาไหม? ลองค้นหาบนเว็บ Movie24HD ของเราได้เลย!
โปสเตอร์หนัง



รีวิวภาพรวม: หนังดราม่า-กีฬาที่สร้างแรงบันดาลใจ
“The Karate Kid” คือภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมและ “มีหัวใจ” อย่างแท้จริง หนังประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการสร้างเรื่องราวของ “มวยรอง” ที่น่าเอาใจช่วยและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชม
หัวใจสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นอมตะคือความสัมพันธ์ระหว่าง “แดเนียล” กับ “คุณมิยากิ” ที่ทั้งอบอุ่น, ตลก, และซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง การแสดงของ แพท โมริตะ ในบทคุณมิยากินั้นยอดเยี่ยมระดับตำนาน เขาสามารถถ่ายทอดบทบาทของอาจารย์ผู้มีปรัชญาลึกซึ้งและอารมณ์ขันได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม!
นี่คือหนังที่ไม่ได้สอนแค่ “การต่อสู้” แต่สอน “บทเรียนชีวิต” เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกดีและเปี่ยมไปด้วยพลังบวก
รางวัลการันตีคุณภาพ:
- ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 1 รางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (แพท โมริตะ)
คะแนนจากนักวิจารณ์:
- IMDb: 7.3/10
- Rotten Tomatoes: 90% (คะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์)
หมื่นทิพ
ตอนแรกของหนังชุดนี้ครับ เป็นเรื่องของแดเนียล ลารุสโซ่ (Ralph Macchio) เด็กหนุ่มหน้าใหม่ที่เพิ่งย้ายมายัง แอล.เอ กับแม่ เขาได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ พบสาวน้อยน่ารักอย่าง อาลี่ (Elisabeth Shue) แต่วินาทีที่เขาพบเธอนั่นก็เป็นวินาทีที่เขาได้พบกับศัตรูคนใหม่ ซึ่งก็คือแฟนเก่าของอาลี่นั่นแหละฮะ เขาโดนพวกอันธพาลทั้งแก๊งรุมแกล้งทุกวัน จนในที่สุด เมื่อเขาได้พบกับ มิยากิ (Pat Morita) ชายชราชาวญี่ปุ่นที่มีฝีมือคาราเต้ระดับปรมาจารย์มาช่วยฝึกฝนวิชาการต่อสู้ให้เขา และในครั้งนี้แดเนี่ยลไม่ได้เรียนรู้แค่วิชาป้องกันตัวเท่านั้น แต่เขายังได้ค้นพบวิธีแห่งการสร้างความสงบและเยือกเย็นในการต่อสู้กับปัญหาอีกด้วย
หนังกำกับโดย John G. Avildsen เจ้าเดียวกับที่ทำ Rocky ของพี่บึ้ก Sylverter Stallone นั่นแหละฮะ แนวหนังจะว่าไปมันก็คล้ายกัน เพียงแค่เปลี่ยนจากนักมวยมาเป็นไอ้หนุ่มคาราเต้เท่านั้นเอง รวมไปถึงการเดินทางสู่ฝั่งฝัน ซึ่งสำหรับแดเนี่ยล ความฝันของเขาคือ การเป็นที่ยอมรับและชนะใจอาลี่ให้สำเร็จ เขาจึงฝึกคาราเต้ด้วยความมุ่งมั่นครับ ไม่ใช่เดี๋ยวเบื่อเดี๋ยวอยาก ก็เรียกได้ว่าเขาตั้งใจอย่างแท้จริง แต่กระนั้นก็ยังมีความใจร้อนแทรกอยู่ในใจของเขาและมิยากิก็เห็นไฟที่สุ่มอยู่ในอกนั้น เขาจึงพยายามลดมันลงด้วยวิธีที่น่าทึ่งสุดๆ ครับ
ผมชอบวิธีการฝึกของมิยากิมากเลย คือ ตอนแรกมันไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับคาราเต้เลยแม้แต่น้อย แค่ให้แดเนี่ยลไปขัดโน่นถูนี่เท่านั้นเอง แต่ไปๆ มาๆ มันก็กลายเป็นวิชาคาราเต้จนได้ จุดนี้ผมนับถือเลยครับว่าทำออกมาได้ดีมากๆ บทที่เขียนโดย Robert Mark Kamen นั้น มันดูง่ายมากครับ การเดินเรื่องไม่ได้มีลูกเล่นที่แพรวพราว แต่ประเด็นก็คือ มันติดดินเสียจนเราเชื่อว่าทุกตัวละครในหนังมีชีวิตจริงๆ สัมผัสได้ แค่นี้หนังก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ และการที่เราเห็นว่าทั้งแดเนี่ยลและมิยากิมีตัวตนมากขึ้นเท่าไหร่ ความลุ้นและความเข้มข้นก็เพิ่มตามมากเท่านั้น เพราะเราจะเอาใจช่วยพวกเขาไปโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
หนังน่าติดตามครับ คำคมที่ออกมาจากปากมิยากิก็ล้ำลึกแต่เปี่ยมความหมายจริงๆ และไม่ดูเป็นการยัดเยียดแม้แต่น้อย Pat Morita แสดงได้อย่างน่าชื่นชมครับ กับบทนิ่งๆ ที่สุดจะลุ่มลึก ส่วน Macchio ก็ดูเหมาะมากกับบทหนุ่มสมองไวและเขาสามารถเข้าขากับ Shue ผู้เป็นนางเอกได้อย่างดี นั่นทำให้ธีมรองอันเป็นเรื่องของความรักระหว่างแดเนี่ยลกับอาลี่ ดูน่าเชื่อถือและน่ารักแบบสุดๆ ไปเลยครับ ดูโคตรเหมือนเป็นคู่รักจริงๆ Martin Kove ก็เล่นเป็นตัวร้ายได้ดีครับ ดูโหดเหี้ยมและไร้คุณธรรม ส่วน William Zabka ก็แสดงเป็นจอห์นนี่ได้ดี แม้จะดูเป็นวายร้ายแต่ยังมีมิติครับ ไม่ได้ร้ายเพียงอย่างเดียว เป็นหนังที่สนุกครับ ครบถ้วนองค์ประกอบที่หนังแนวนี้ควรจะมี สาระก็มากโข แต่ตอนจบอาจจะห้วนไปหน่อย ซึ่งดีนะครับที่มีภาคต่อ ไม่งั้นนี่จะกลายเป็นหนังที่จบแบบค้างคาทางอารมณ์อย่างมากเลย
Sleepin_Dragon
🤩 8/10
แดเนียล วัยรุ่นที่ต้องย้ายจากนิวเจอร์ซีย์ไปแคลิฟอร์เนียกับแม่ เพราะปรับตัวเข้ากับสังคมไม่ได้ แดเนียลถูกกลุ่มเด็กผู้ชายจากโรงเรียนคาราเต้ในท้องถิ่นรังแกและทำร้ายร่างกาย แดเนียลได้รับการช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา และฝึกฝนจากมิสเตอร์มิยางิ แดเนียลได้รับโอกาสจัดการกับพวกอันธพาลในเกมของพวกเขาเอง นี่เป็นหนึ่งในภาพยนตร์โปรดของผมตั้งแต่เด็ก เป็นเรื่องราวที่ทำให้ผมเอาชนะความยากลำบากได้อย่างแท้จริง โดยแดเนียลได้ถ่ายทอดเรื่องราวนี้ไปยังคนที่รังแกเขาโดยตรง และพลิกสถานการณ์กลับมา ถ้าคุณเป็นแฟนหนังฟีลกู้ดยุค 80 ผมมั่นใจว่าคุณจะต้องชอบเรื่องนี้ มันเป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและสร้างแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง เต็มไปด้วยฉากที่น่าจดจำ เช่น ฉากแว็กซ์ แว็กซ์ ลอก และฉากเตะสุดมันส์ หนังเรื่องนี้คุ้มค่ากับเวลาของคุณอย่างแน่นอน หนังเรื่องนี้ช่วยนำเรื่องราวศิลปะการต่อสู้มาสู่สายตาคนทั่วไป ก่อนหน้านั้น คุณอาจเถียงได้ว่าหนังศิลปะการต่อสู้หลายเรื่องมีเนื้อหาเฉพาะกลุ่ม ผมรู้สึกเสียใจเสมอที่ Ralph Macchio ไม่ได้มีอาชีพที่ประสบความสำเร็จหลังจากหนังเรื่องนี้ คุณอาจคิดว่าเรื่องนี้น่าจะปูทางให้เขา แต่มันไม่ใช่ โชคดีที่ Cobra Kai ช่วยปรับสมดุลให้กับหนังเรื่องนี้ หนังภาคต่อและหนังรีเมคทั้งหมดทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน และอาจจะดีกว่าถ้าหลีกเลี่ยง ถ้าคุณยังไม่ได้ดู Cobra Kai ผมขอแนะนำเลย มันเป็นภาคต่อที่ยอดเยี่ยมสมกับที่หนังเรื่องนี้สมควรได้รับจริงๆ คุ้มค่าแก่การดู 8/10
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังแนวกีฬา-สร้างแรงบันดาลใจ เราขอแนะนำเรื่องเหล่านี้:
- Rocky (1976) ร็อคกี้: ตำนานหนังมวย “มวยรอง” ที่ดีที่สุดตลอดกาล
- Hoosiers (1986): หนังบาสเกตบอลสุดคลาสสิกที่สร้างจากเรื่องจริงของทีมโรงเรียนมัธยมเล็กๆ
- Remember the Titans (2000): เรื่องจริงของทีมอเมริกันฟุตบอลที่ต้องก้าวข้ามผ่านปัญหาการเหยียดผิว
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ท่า “กระเรียน” (Crane Kick) ในตอนท้ายเรื่องมีอยู่จริงในคาราเต้หรือไม่?
A: ไม่มีอยู่จริงครับ! ท่านี้ถูกคิดค้นขึ้นมาสำหรับภาพยนตร์โดยเฉพาะ แต่มันก็ได้กลายเป็นหนึ่งในท่าไม้ตายที่ “ไอคอนิก” และเป็นที่จดจำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไปแล้ว!
Q: หนังมีภาคต่อหรือไม่?
A: มีครับ! จากความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ทำให้ “The Karate Kid” ได้กลายเป็นแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ มีภาคต่อตามมาอีก 3 ภาค, ภาครีเมคในปี 2010 (นำแสดงโดย เจเดน สมิธ และ เฉินหลง), และที่สำคัญที่สุดคือซีรีส์ภาคต่อสุดฮิต “Cobra Kai” (2018-ปัจจุบัน) ที่ได้นักแสดงดั้งเดิมอย่าง ราล์ฟ มัชชิโอ และ วิลเลียม แซบคา กลับมารับบทเดิม ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงและปลุกกระแสแฟรนไชส์นี้ให้กลับมาอีกครั้ง!
Q: ทำไมหนังถึงเป็นที่รักของคนดูมาอย่างยาวนาน?
A: เพราะเป็นหนังที่มี “หัวใจ” อย่างแท้จริงครับ มันคือเรื่องราวที่เป็นสากลเกี่ยวกับการเอาชนะอุปสรรค, การค้นหาตัวเอง, และความสำคัญของครูผู้ชี้ทาง ซึ่งสามารถสร้างความประทับใจและแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมได้ทุกยุคทุกสมัย