The Pirates (2014) ศึกโจรสลัด ล่าสุดขอบโลก

นักแสดง

Son Ye-jin / ซน เยจิน

Kim Nam-gil / คิม นัมกิล

ผู้กำกับ อี ซอกฮุน

รีวิวหนัง The Pirates (2014) ศึกโจรสลัด ล่าสุดขอบโลก

We Love Movie Club

ภาคต่อของ The Pirates (2014) ที่บอกเล่าเรื่องราวใหม่ ตัวละครชุดใหม่ เรื่องราวของ Hae-rang หัวหน้าโจรสลัดสาวที่บังเอิญช่วยชีวิตกลุ่มโจรใจเพชรที่มี Moo-chi เป็นหัวหน้าไว้ได้กลางทะเล ท่ามกลางการความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างทั้ง 2 กลุ่ม ได้นำพวกเขาไปสู่การตามหาสมบัติของราชวงศ์ที่สาบสูญแห่งยุคโชชอน พร้อมการเผชิญหน้ากับกลุ่มคนลึกลับที่ออกตามล่าสมบัตินี้เช่นกัน “The Pirates : The Last Royal Treasure” เป็นหนังฟอร์มยักษ์จากเกาหลีที่ถูกนำมาลงในสตีมมิ่งบ้านเราเร็วมาก (หนังฉายในเกาหลีเดือนมกราคมปีนี้) จุดเด่นของหนังประการแรกของหนัง คือทีมนักแสดงที่ได้ Han Hyo-joo (จาก W และ Happiness) มารับบทโจรสลัดสาว, Kang Ha-neul (จาก When the Camellia Blooms) รับบทหัวหน้าโจรใจเพชร, Lee Kwang-soo รับบทลูกเรือจอมโวยวาย, Chae Soo-bin (จาก Sweet & Sour และ I’m Not a Robot) ในบทโจรสาวลูกกะจ๊อกบนเรือ, Oh Se-hun (สมาชิกวง EXO) ในบทนักแม่นธนูมาดนิ่ง และได้รุ่นใหญ่ Kwon Sang-woo (จาก Queen of Mystery) พลิกบทมาเป็นวายร้ายเต็มตัว

แม้ด้านความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครจะถูกนำเสนอแบบฉาบฉวยไปหน่อย ทั้ง Hae-rang กับ Moo-chi ที่มีมุมน่ารักให้เราได้เห็นอยู่บ้าง แต่จะดีกว่านี้ถ้าถูกทำให้ชัดเจนกว่านี้ หรือความสัมพันธ์ระหว่างโจรสาว Hae-geum และนักธนู Han-goong ที่เหมือนถูกละเลยไปตลอดทาง จนทำให้เรามีงงๆ อยู่บ้างว่าฝ่ายชายไปเผลอมีใจให้ตอนไหน ส่วนตัวละคร Mak-yi ผู้ฝันอยากเป็นราชาโจรสลัด ที่มีบทบาทบทจอมาก จนบางช่วงรู้สึกว่าล้นเกินไป (แถมน่ารำคาญนิดๆ) จุดเด่นอีกประการคืองาน CG ที่ทำออกมาค่อนข้างโอเคในครึ่งแรก แต่ก็มีบางฉากที่ดูหลอกตาอยู่บ้าง (เช่นฝูงวัว) แต่ก็มีความลงตัวมากขึ้นในครึ่งหลัง ตั้งแต่ฉากการรบกลางทะเล และการต่อสู้บนเกาะฟ้าผ่าที่ออกแบบมาได้แปลกตา (บางฉากในช่วงท้ายมีความได้กลิ่น The Perfect Storm ผสม Pirates of the Caribbean อยู่นิดๆ)

แต่จุดที่มองว่าเป็นข้อเสียใหญ่ที่สุดของเรื่องก็คือการนำเสนอช่วง 1 ชั่วโมงแรก ที่หนังพยายามแนะนำตัวละครหลักต่างๆ ผ่านการตัดต่อแบบรวบตึงเกินไป จนทำให้เนื้อหาเหมือนกระโดดข้ามไป ทำเอาเราจูนกับตัวละครไม่ติดเลย ทั้งๆ ที่หนังก็มาพร้อมความยาวถึง 2 ชั่วโมง 6 นาที ซึ่งน่าจะมีเวลาให้เล่าแบบไม่ต้องรีบขนาดนี้ก็ได้ โดยสรุป “The Pirates : The Last Royal Treasure” เป็นหนังผจญภัยแอ็คชั่นคอมเมดี้ ที่มุกตลกอาจทำงานได้ไม่ดีเท่าไหร่ แถมมีแผลในการดำเนินเรื่องช่วงครึ่งแรก แต่ยังดีที่ครึ่งหลังหนังมีฉากแอ็คชั่นที่เข้าท่ามาให้เราได้เห็น บวกพลังบารมีทีมนักแสดงนำที่ช่วยแบกหนังไว้อีกแรง