ดูหนัง Waiting (2005) เวตติ้ง เสิร์ฟเฟี้ยว เสียวจี๊ด
ขอเอาใจคอหนังตลกสายเกรียน ชวนไปดูเบื้องหลังสุดป่วนของเหล่าพนักงานร้านอาหารที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนใน “Waiting…” (2005) หรือในชื่อไทยสุดจี๊ดว่า “เวตติ้ง เสิร์ฟเฟี้ยว เสียวจี๊ด”
เรื่องย่อ
ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวสุดวายป่วงที่เกิดขึ้นภายใน “หนึ่งวัน” ที่ร้านอาหารสไตล์ T.G.I. Friday’s ชื่อว่า “Shenaniganz” ที่ซึ่งเหล่าพนักงานเสิร์ฟ, พ่อครัว และเด็กรับรถ ต่างก็เบื่อหน่ายกับชีวิตการทำงานสุดซ้ำซากและค่าแรงอันน้อยนิด พวกเขาจึงต้องหาวิธีสร้างความสนุกและ “เอาคืน” ลูกค้าแสบๆ เพื่อให้ชีวิตในแต่ละวันผ่านพ้นไปได้
เรื่องราวมีศูนย์กลางอยู่ที่ ดีน (จัสติน ลอง) พนักงานเสิร์ฟที่เริ่มตั้งคำถามกับชีวิตว่าเขาจะติดแหง็กอยู่กับงานนี้ไปตลอดหรือเปล่า หลังจากเห็นเพื่อนร่วมรุ่นจบไปมีงานการดีๆ, มอนตี้ (ไรอัน เรย์โนลด์ส) พนักงานเสิร์ฟรุ่นพี่จอมเจ้าชู้ผู้เป็นเหมือนหัวโจกของร้าน, เซเรน่า (แอนนา ฟาริส) พนักงานเสิร์ฟสาวสุดมั่น และเหล่าตัวละครสุดเพี้ยนอีกมากมาย
พวกเขาต้องรับมือกับลูกค้าสารพัดรูปแบบ ตั้งแต่ลูกค้าเรื่องมาก, ลูกค้าขี้เหนียว, ไปจนถึงลูกค้าที่ชอบดูถูกพนักงานเสิร์ฟ และ “แก้เผ็ด” พวกเขาด้วยวิธีสุดแสบที่เรียกว่า “The Game” (เกมวัดใจ) ที่คุณดูแล้วอาจจะไม่อยากทำตัวงี่เง่าใส่พนักงานเสิร์ฟอีกเลยตลอดชีวิต!
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงและผู้กำกับ
- นักแสดงหลัก:
- ไรอัน เรย์โนลด์ส (Ryan Reynolds) รับบทเป็น มอนตี้
- แอนนา ฟาริส (Anna Faris) รับบทเป็น เซเรน่า
- จัสติน ลอง (Justin Long) รับบทเป็น ดีน
- เดวิด เคกเนอร์ (David Koechner) รับบทเป็น แดน
- หลุยส์ กัซแมน (Luis Guzmán) รับบทเป็น แรดดิมัส
- ผู้กำกับ:
- ร็อบ แม็คคิตทริค (Rob McKittrick) (ซึ่งเคยเป็นพนักงานเสิร์ฟมาก่อน)
โปสเตอร์หนัง



รีวิวภาพยนตร์
“Waiting…” คือหนังตลกทุนต่ำที่ไม่ได้มีพล็อตเรื่องซับซ้อน แต่ประสบความสำเร็จในการสร้างเสียงหัวเราะและความรู้สึกร่วมจากผู้ชม (โดยเฉพาะคนที่เคยทำงานบริการมาก่อน) จนกลายเป็น “หนังคัลท์” ที่หลายคนชื่นชอบ
- มุกตลกห่ามและใต้สะดือ: หนังเต็มไปด้วยมุกตลกสไตล์ผู้ใหญ่ที่ไม่เกรงใจใคร มีทั้งมุกตลกหยาบคาย, สองแง่สองง่าม และมุกตลกสุดสกปรก (Gross-out humor) ซึ่งอาจจะไม่ใช่แนวทางของทุกคน แต่ถ้าใครชอบหนังตลกแบบ American Pie ก็น่าจะสนุกไปกับเรื่องนี้ได้
- ความจริงใจของคนทำงานบริการ: จุดเด่นที่สุดของหนังคือการถ่ายทอดชีวิตและความคิดของเหล่าพนักงานร้านอาหารออกมาได้อย่างถึงแก่น มันคือหนังที่คนเคยทำงานบริการดูแล้วจะรู้สึกว่า “นี่มันเรื่องจริงชัดๆ!” ทั้งความเหนื่อย, ความเบื่อ, และวิธีการรับมือกับลูกค้าแย่ๆ
- การรวมดาวตลก: หนังเต็มไปด้วยนักแสดงสายคอเมดี้ที่ตอนนั้นยังไม่โด่งดังเท่าปัจจุบัน การได้เห็น ไรอัน เรย์โนลด์ส ในบทหนุ่มปากจัดจอมกวนตั้งแต่ยุคแรกๆ ถือเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก
- คะแนนจากนักวิจารางค์: หนังได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบจากนักวิจารณ์เป็นส่วนใหญ่ ได้คะแนน มะเขือเทศเน่า 31% จาก Rotten Tomatoes แต่กลับได้รับคะแนนฝั่งผู้ชมค่อนข้างดี และได้คะแนนจาก IMDb ที่ 6.7/10 ซึ่งพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นหนังที่โดนใจผู้ชมทั่วไปมากกว่านักวิจารณ์
jbanet
⭐ 7/10
ตอนที่ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้ครั้งแรก ผมคาดหวังว่าจะเป็นหนังตลกไร้วิญญาณเกี่ยวกับพนักงานร้านอาหารที่คอยก่อกวนลูกค้า แม้ว่าบางคนอาจจะรู้สึกแบบนั้นหลังจากดูจบแล้วก็ตาม แต่ผมก็รู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก จากการแนะนำ ‘เกม’ ช่วงต้นเรื่อง ผมรู้เลยว่าหนังเรื่องนี้จะต้องน่าสนใจและน่าขนลุกยิ่งกว่าตัวอย่างเสียอีก ถึงแม้ตัวละครจะดูบางเบา แต่ ก็ประสบความสำเร็จในการเป็นหนังที่เน้นตัวละครได้ดี ผมไม่แน่ใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น บางทีสิ่งที่ดูเหมือนเป็นแค่มุกตลกเด็กๆ กลับเพิ่มมิติให้กับตัวละครโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว บางคนบ่นว่า ‘เกม’ เป็นเพียงมุขตลก 10 วินาทีที่ยืดเยื้อไปตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งดูเผินๆ แล้วก็เป็นเรื่องจริง แต่จริงๆ แล้วเกมนี้เป็นเพียงกลไกในการพัฒนาตัวละครมากกว่าที่จะเป็นตัวของตัวเอง ผลลัพธ์ที่ได้คือตัวละครที่มีข้อบกพร่องมากมาย แต่กลับน่าชื่นชอบอย่างน่าประหลาดใจ นอกจากนี้ ตอนจบที่แม้จะดูกะทันหันไปหน่อย แต่ก็ถือว่าสนุก ส่วนใหญ่เป็นเพราะหนังวางโครงเรื่องและสถานการณ์ของตัวละครไว้ได้ดีมาก หนังเรื่องนี้ไม่เหมาะกับทุกคน ถ้าคุณไม่ชอบอารมณ์ขันแบบ ‘โง่ๆ’ คุณก็คงมองข้ามมันไปเพื่อดื่มด่ำกับแง่มุมที่ละเอียดอ่อนกว่าไม่ได้หรอก แต่ถ้าคุณผ่านจุดนั้นไปได้ หนังเรื่องนี้ก็ถือว่ามีมากกว่าแค่ผลรวมขององค์ประกอบต่างๆ
melo-11
⭐ 7/10
สำหรับคนที่ไม่เคยทำงานในร้านอาหารเลยแม้แต่วันเดียว หนังเรื่องนี้ไม่เหมาะกับคุณ สำหรับคนที่ไปร้านอาหารแล้วปฏิบัติกับพนักงานเหมือนคนไร้ค่า หนังเรื่องนี้ก็ไม่เหมาะกับคุณเช่นกัน เชื่อผมเถอะ อย่าไปคิดว่าตัวเองกินอะไรเข้าไปจริงๆ เพราะชีวิตคุณจะดีขึ้นกว่านี้มากถ้าไม่รู้ สำหรับคนอื่นๆ หนังเรื่องนี้สมบูรณ์แบบ ไม่มีทางชนะรางวัลใดๆ เลย และไม่ได้พยายามจะชนะด้วยซ้ำ ตั้งแต่กฎ 5 วินาที ไปจนถึงชีวิตเซ็กส์ที่ปะปนกันของพนักงาน ไปจนถึงผู้จัดการปัญญาอ่อน หนังเรื่องนี้โดนใจสุดๆ ดูเหมือนว่าคนในฮอลลีวูดจะมีเงินเหลือเฟือที่จะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และตัดสินใจแสดงความเคารพต่อชีวิตของเขาก่อนที่จะกลายเป็น “คนสำคัญ” ในฮอลลีวูด ผมหัวเราะจนน้ำตาไหลตลอด 30 นาทีแรก และส่วนที่เหลือของหนังก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน หนังเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังคัลท์คลาสสิกสำหรับทุกคนใน The Industry และจะอยู่บนชั้นหนังสือของผมในวันที่หนังออกฉายอย่างแน่นอน ตราบใดที่คุณเข้ามาด้วยความคาดหวังเพียงว่าจะรู้สึกขยะแขยงและหัวเราะจนเจ็บ คุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน!!
leilapostgrad
⭐ 10/10
ฉันเกลียด (เกลียด!) การเป็นพนักงานเสิร์ฟ แต่หนังเรื่องนี้มันตลกและบ้าบิ่นมากจนแทบอยากย้อนเวลากลับไปช่วงซัมเมอร์ปี 1999 เพื่อไปทำงานอีกกะที่ TGI Fridays Waiting คือหนังที่ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด ซื่อสัตย์ที่สุด และตลกที่สุดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมบริการเท่าที่เคยมีมา นี่คือมุมมองของฉัน – โลกนี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มคน: คนที่เคยทำงานเสิร์ฟและคนที่ไม่เคยทำงาน คนที่ไม่เคยทำงานในร้านอาหารแม้แต่วันเดียวอาจจะรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ตลก แต่พวกเขาอาจจะคิดว่ามันไร้สาระเกินกว่าจะเป็นจริง และอาจจะไม่คิดถึงหนังเรื่องนี้อีกเลย
แต่สำหรับคนที่เคยสัมผัสถึงความเจ็บปวด ความเสื่อมเสีย และความอัปยศอดสูของงานเสิร์ฟ จะต้องหัวเราะจนท้องแข็งเมื่อรู้ว่าหนังเรื่องนี้สมบูรณ์แบบแค่ไหน Rob McKittrick ผู้เขียนบท/ผู้กำกับมือใหม่ ได้สร้างภาพสะท้อนของเวลา 24 ชั่วโมงในธุรกิจร้านอาหารได้อย่างแม่นยำ หนังเปิดฉากในงานปาร์ตี้ดึกที่เต็มไปด้วยการดื่ม สูบบุหรี่ และมีเพศสัมพันธ์กันอย่างเมามัน วันรุ่งขึ้นเราก็เห็นพนักงานเสิร์ฟเมาค้างที่ทำงาน ร้านอาหารที่พวกเขาทำงานกันทุกคนชื่อว่า “Shenanigans” แต่กลับดูเหมือนร้าน TGI Fridays ที่ฉันเคยทำงานด้วยมากเหลือเกิน
ตัวละครทั้งหมดในล้วนอ้างอิงจากคนจริงๆ ที่ทำงานในทุกร้านอาหาร มีทั้งพนักงานต้อนรับสุดฮอต/ร่าน/ยังไม่บรรลุนิติภาวะ พ่อครัวอ้วนๆ หน้าตาน่าเกลียดที่บังเอิญไปเดทกับพนักงานเสิร์ฟสุดฮอต หนุ่มหล่อติดกัญชา/พังก์ และผู้จัดการที่เอาแต่ใจ ลูกค้าทุกคนในหนังเรื่องนี้ (พวกขี้เหนียวไร้ค่าที่ไม่รู้จักทิป ผู้หญิงใจแตก ผู้ชายขี้เมาและหื่นกาม) ล้วนเป็นลูกค้าที่ฉันเคยใช้บริการ และไม่มีผู้กำกับคนไหนที่ถ่ายทอดความตึงเครียดที่ซับซ้อนและไม่อาจประนีประนอมระหว่างพนักงานเสิร์ฟและพนักงานครัวได้อย่างแม่นยำเท่านี้ แต่ตอนจบของคืนนั้น ไม่ว่าจะมีดราม่าอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าจานจะเสียแค่ไหน และไม่ว่าคุณจะได้ทิปมากแค่ไหน (หรือไม่ได้) ทุกคนก็เมามายและปาร์ตี้กัน และทุกคนก็รู้ว่าตัวเองอยู่ในนั้นด้วยกันทั้งนั้น Waiting เป็นเพียงเรื่องราวเกี่ยวกับอาชีพที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยคิดถึงเลย แต่มันถ่ายทอดเรื่องราวนั้นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม รอ DVD ไม่ไหวแล้ว
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังตลกในที่ทำงานสุดเกรียนของ” คุณอาจจะชอบเรื่องเหล่านี้:
- Clerks (1994): หนังตลกขาวดำทุนต่ำระดับตำนาน ที่เล่าเรื่องราวสุดป่วนของพนักงานร้านสะดวกซื้อและร้านวิดีโอในหนึ่งวัน
- Office Space (1999) – โดดงานให้มันส์ไปเลย: หนังตลกเสียดสีชีวิตพนักงานออฟฟิศที่เบื่อหน่ายกับงานและเจ้านาย
- Superbad (2007) – ซูเปอร์แบด คู่เฉิ่มฮ็อตฉ่า: หนังตลกวัยรุ่นสุดห่ามที่เต็มไปด้วยมุกตลกใต้สะดือและบทสนทนาสุดเกรียน
Q&A คำถามน่ารู้เกี่ยวกับหนัง
Q: “The Game” (เกมวัดใจ) ที่พนักงานเล่นกันในเรื่องคืออะไร?
A: มันเป็นเกมที่เหล่าพนักงานชายจะแอบโชว์ “ของลับ” ของตัวเองให้เพื่อนร่วมงานดูโดยไม่ให้รู้ตัว ถ้าใครเผลอมองก็จะแพ้ไป ซึ่งเป็นมุกตลกสุดทะลึ่งและเป็นที่จดจำที่สุดของหนังเรื่องนี้ครับ
Q: ชีวิตพนักงานร้านอาหารในหนัง สะท้อนความจริงมากน้อยแค่ไหน?
A: ค่อนข้างจริงในระดับหนึ่งเลยครับ! ผู้กำกับและเขียนบทเรื่องนี้เคยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟมาก่อน เขาจึงนำประสบการณ์ตรง ทั้งเรื่องดีและเรื่องแย่ๆ มาใส่ไว้ในหนัง แม้ว่าบางเหตุการณ์อาจจะดูเกินจริงไปบ้างเพื่อความตลก แต่แก่นของเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานและการรับมือกับลูกค้านั้นถือว่าสมจริงมาก
Q: ทำไมหนังที่นักวิจารณ์ไม่ชอบถึงกลายเป็น “หนังคัลท์”?
A: เพราะมันสามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ชมเฉพาะกลุ่มได้อย่างแข็งแรงครับ ในกรณีนี้คือกลุ่มคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมบริการ (ร้านอาหาร, บาร์) พวกเขารู้สึกว่าหนังพูดแทนใจและถ่ายทอดชีวิตของพวกเขาออกมาได้อย่างซื่อสัตย์และตลกขบขัน เมื่อคนกลุ่มนี้ชื่นชอบและบอกต่อกันปากต่อปาก มันจึงเกิดกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่นและทำให้หนังกลายเป็นที่รักในที่สุด แม้จะไม่ถูกใจนักวิจารณ์ก็ตาม