ดูหนัง Alone in the Dark (2005) กองทัพมืดมฤตยูเงียบ
ทุกท่าน! หลังจากที่เราเคยชันสูตรความพังพินาศของ BloodRayne กันไปแล้ว วันนี้เราจะมา “ดูหนัง” อีกเรื่องจากผู้กำกับคนเดียวกัน อูเว่ โบลล์ (Uwe Boll) ที่ตอกย้ำฉายา “ราชาหนังห่วยจากเกม” ของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ! Alone in the Dark คือการนำเอาหนึ่งในแฟรนไชส์วิดีโอเกมแนว Survival Horror ที่เก่าแก่ที่สุด มาดัดแปลงได้อย่าง… หลงทิศหลงทางจนกู่ไม่กลับ!
เรื่องย่อ
หนังเริ่มต้นด้วยการ “เล่าเรื่อง” ผ่านตัวอักษรที่ยาวเหยียดและน่าเบื่อจนแทบจะหลับ… สรุปสั้นๆ ได้ว่า เอ็ดเวิร์ด คาร์นบี้ (คริสเตียน สเลเตอร์) คือนักสืบสวนเรื่องราวเหนือธรรมชาติ เขามีอดีตอันมืดมนจากการเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกนำไปทดลองอะไรบางอย่าง จู่ๆ เขาก็ต้องเข้ามาพัวพันกับการค้นพบวัตถุโบราณของอารยธรรม “อับคานิ” ที่หายสาบสูญ ซึ่งวัตถุเหล่านี้คือประตูมิติสู่โลกแห่งความมืดที่เต็มไปด้วยอสูรกายเงาที่เรียกว่า “ซีโน”
เขาต้องร่วมมือกับ อลีน เซดรัค (ทาร่า รีด) แฟนเก่าผู้เป็น “นักโบราณคดีอัจฉริยะ” และ ผู้การเบิร์ค (สตีเฟน ดอร์ฟฟ์) หัวหน้าหน่วยงานรัฐบาลลึกลับ “Bureau 713” เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ประตูมิติเปิดออกและกองทัพอสูรซีโนบุกมาทำลายล้างโลก… หรืออะไรทำนองนั้นแหละครับ เพราะหนังมันสับสนวุ่นวายไปหมด! movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
Alone in the Dark คือความล้มเหลวที่น่าทึ่งในทุกองค์ประกอบอย่างแท้จริง ⭐ 7/10 ชื่อมันบอกว่า Alone in the Dark …โทษนะคับผม มันอโลนกะป้ะตรงไหนฟะ Alone in the Dark เป็นเกมมาก่อนครับ คอเกมแนวลึกลับย่อมรู้จักมักจี่กันดี นี่จัดเป็นเกมโรคจิตและน่ากลัวอีกเกมเลยล่ะครับ คุณต้องเดินคนเดียวในสถานที่มืดๆ มีโอกาสเจอผีและตัวบ้าตัวบอสารพัด ดังนั้นพอมาสร้างเป็นหนัง ผมก็สนใจครับ มันน่าจะเข้าท่าอ้ะ โดยพล็อตแล้วมันจะเป็นหนังสืบสวนปนสยองได้ดีมากอีกเรื่องหนึ่ง แต่เหงื่อเริ่มมาตกพอได้ยินว่าพี่ Uwe Boll มากำกับ จะไม่ให้เหงื่อตกได้ไงครับ ก็พี่ท่านคนนี้เป็นคนเดียวกับที่ทำ House of The Dead อ้ะดิ ไอ้เรื่องนั้นก็สร้างจากเกมสยองไล่ยิงซอมบี้ที่มันส์และสนุกปนสยองดีมากอีกเกมหนึ่ง แต่ผลที่ได้ออกมาก็เล่นเอาผมจะบ้าน่ะครับ ความสนุกไม่เจอ ความมันส์ก็ไม่มี เอาเกมมายำซะไม่เหลือเลยอ้ะ แล้วพี่แกดันมาทำเรื่องนี้อีก และผลที่ได้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่เล้ย Christian Slater มารับบทเป็น เอ็ดเวิร์ด คาร์นบี้ นักสืบเอกชนที่ต้องมาพัวพันกับกลุ่มคนลึกลับที่ดูเหมือนจะมีแผนบางอย่าง แล้วไปๆ มาๆ พี่ท่านก็ต้องเผชิญกับกองทัพอสูรที่พร้อมจะตรงเข้ามาจู่โจมโลกของเรา งานนี้พี่ท่านเลยต้องหาทางขัดขวางครับ เอ่อ คือ … เฮ่อ โอเคครับผมทำใจได้แล้ว (ฮือๆๆๆๆ) หนังมัน อ้า อันนี้พูดเฉพาะตัวหนังนะครับ เนื้อเรื่องมันเป็นสูตรสำเร็จอยู่แล้วล่ะ พระเอกต้องเจอกับพวกตัวประหลาด แล้วก็ต้องหาทางปราบมัน โดยมีคนจากองค์กรลับของรัฐมาร่วมแรงในการสู้ด้วย ก็ไม่ต่างจากพวก Aliens หรือหนังแนวสัตว์โลกน่ารักหรอกครับ และผลที่ได้คือเป็นอะไรที่เดากันออกมานานแล้วด้วย ต้องมีฉากปีศาจบุกฆ่าคน ฉากยิงกันหูดับ มีฉากระเบิด (ไม่มีถือว่าเป็นอัปมงคลครับ) แล้วมัน Alone ตรงหนายเพ่ ในเกมมันสืบไปสยองไป มืดๆ น่ากลัวๆ แต่นี่พี่เล่นเอาเอเลี่ยนทั้งกองทัพแล้วก็หน่วยรบทั้งกรมกองมาทำสงครามเนี่ย บ้านพี่เขาเรียก Alone เหรอครับ โธ่ คือผมว่าตั้งชื่อใหม่เป็นอีกเรื่องเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ เล่นเอาชื่อเกมมาปู้ยี่ปู้ยำอีกแล้วอ้า แล้วความสนุกก็ต้องบอกว่าน้อยจนแทบหาไม่เจอครับ เพราะมันเดิมๆ น่ะฮะ มีตัวประหลาดออกมา เราก็ไล่ยิงไป มีตัวประกอบมาตายให้เราดูซักโหลสองโหล แล้วพอตอนจบระเบิดก็จัดการถล่มไอ้พวกบ้านี่ โอเคครับ สูตรธรรมดาจริง แต่ถ้าหากทีมงานสามารถสร้างความตื่นเต้นได้มันก็ยังพอไหวน่ะ แต่ทว่ากับเรื่องนี้ สูตรเดิม ทุกอย่างตามสูตรไม่มีอะไรแหวกทั้งสิ้น ฉากสยองก็เรียบวุธไม่มีอะไรให้น่ากลัวเท่าไหร่ เมื่อหนังเป็นแบบนี้ก็คงต้องว่ากันตามจริงล่ะครับ ไม่รู้จะอ้อมไปไหน ความสนุกและความน่าติดตามมันติดดินแบบสุดๆ ไปเลย ดาราจริงๆ ก็ดีนะครับ ไม่ว่าจะ Slater, Tara Reid (ซึ่งในเรื่องนี้ดูไฉไลขึ้นเยอะนะ ผมว่า) และ Stephen Dorff ดาราถือว่าพอมีระดับน่ะครับ แต่เผอิญบทหนังมันไม่ไปไหน เลยทำให้ดาราช่วยไม่ได้โดยปริยาย อยากเสี่ยงผมก็ไม่ห้ามครับ แต่ผมเตือนแล้วนะเนี่ย ⭐ 1/10 พจนานุกรมเว็บสเตอร์ให้คำจำกัดความของคำว่า “สิ่งที่น่ารังเกียจ” ไว้ว่า “สาเหตุของความเกลียดชังหรือความขยะแขยง” ถ้าใครนึกคำหรือคำจำกัดความอื่นที่เหมาะสมกว่านี้สำหรับ Alone in the Dark ได้ ช่วยบอกผมด้วยนะครับ เพราะนี่คือคำที่ดีที่สุดเท่าที่ผมนึกออก อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกว่าคำนี้ไม่สามารถอธิบายความเลวร้ายของหนังเรื่องนี้ได้เลย ผมไปดูหนังเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมห้องสองคน คนหนึ่งมีรสนิยมคล้ายๆ กันกับผม ส่วนอีกคนเป็นกูรูหนังแอ็คชั่น/ผจญภัย ส่วนคนหลังนี้ปกติจะไม่สนใจขนาดของพล็อตโฮล ตราบใดที่หนังมีฉากระเบิดเยอะๆ เขาก็จะเดินออกไปอย่างพึงพอใจ ถึงอย่างนั้น เราก็เข้าโรงหนังเพื่อชม Alone in the Dark ในวันศุกร์ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่เราเป็นคนเดียวในโรงหนัง พอเริ่มฉาย ผมก็รู้ทันทีว่าทำไม ฉากเปิดเรื่องเริ่มต้นด้วยฉากที่แย่ที่สุดในบรรดาหนังทุกเรื่อง และน่าเสียดายที่ผมต้องยอมรับว่ายิ่งแย่ลงไปอีก ฉากเปิดเรื่องเป็นข้อความเลื่อนยาว 5 นาทีที่บรรยายไว้ ถึงอย่างนั้นฉันก็เข้าใจว่าทำไมถึงมีการบรรยาย ผู้กำกับคงเข้าใจว่ามีแต่คนไม่รู้หนังสือเท่านั้นที่จะคิดเรื่องการจ่ายเงินเพื่อดูหนังเรื่องนี้ แต่ฉากแรกนี้ไม่เพียงแต่เป็นข้อความเลื่อนที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เท่านั้น แต่มันยังไม่สมเหตุสมผลอีกด้วย ดูเหมือนว่าในฉากเดียวกันนี้ที่เราได้ยินเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณและการดัดแปลงพอร์ทัล อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องและการทดลองกับเด็กกำพร้า หากคุณกำลังอ่านเรื่องนี้อยู่และรู้สึกสับสน คุณไม่ได้เป็นคนเดียว แล้วเรื่องราวที่แสนเลวร้าย การแสดง เอฟเฟกต์ และงานกล้องก็เริ่มต้นขึ้น ทารา รีด แสดงได้แย่มากในฐานะนักแสดง เธอไม่ทำอะไรเลยแม้แต่วินาทีเดียวที่จะทำให้คุณคิดว่าเธอเป็นภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ สเลเตอร์แสดงได้แย่มาก ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ และไม่มีเคมีร่วมกับรีดเลย พล็อตเรื่องน่าจะเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมกับเพื่อนร่วมห้องที่มีรสนิยมคล้ายๆ กัน ถามคำถามประมาณว่า นี่มันเรื่องอะไรกัน? แล้วเกิดอะไรขึ้น? นอกจากการเลื่อนหน้าจอไร้สาระพวกนี้แล้ว เรายังมีฉากที่สเลเตอร์บรรยายเองอีกสองสามฉากด้วย มันดีไหม? ไม่ อธิบายอะไรได้บ้างไหม? ไม่ ในฐานะผู้ชม มีช่วงไหนที่เรามีลางสังหรณ์บ้างไหมว่าทำไมเราต้องสนใจสิ่งที่เกิดขึ้น? อีกครั้ง ไม่ Q: หนังเรื่องนี้ห่วยแตกขนาดนั้นเลยเหรอ? A: ใช่ครับ ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ยอดแย่ที่สุดตลอดกาล มันล้มเหลวทั้งในด้านเทคนิค, การเล่าเรื่อง, และการมอบความบันเทิง เป็นกรณีศึกษาของความผิดพลาดที่น่าทึ่ง Q: มันเกี่ยวข้องกับวิดีโอเกมยังไง? A: หนังใช้ชื่อตัวละครหลัก “เอ็ดเวิร์ด คาร์นบี้” และแนวคิดเรื่องการสืบสวนสิ่งเหนือธรรมชาติมาจากเกม แต่โทนเรื่อง, พล็อต, และการนำเสนอแทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเกมต้นฉบับเลย ซึ่งเป็นเกมแนวสยองขวัญ-เอาชีวิตรอดที่เน้นบรรยากาศ ไม่ใช่หนังแอ็คชั่นแบบนี้ Q: ทาร่า รีด แสดงเป็นนักโบราณคดีน่าเชื่อถือไหม? A: การแสดงของเธอในบทบาทนักโบราณคดี/นักวิทยาศาสตร์ คือหนึ่งในจุดที่ถูกล้อเลียนและวิจารณ์หนักที่สุดของหนังเรื่องนี้ครับ บทสรุป: Alone in the Dark คือเพชรอีกเม็ดหนึ่งบนมงกุฎแห่งราชาหนังเกรด Z ของ อูเว่ โบลล์ มันคือหนังที่สับสน, น่าเบื่อ, และทำผิดพลาดในทุกๆ ทางจนน่าประทับใจ หากคุณเป็นนักศึกษาภาพยนตร์ที่ต้องการเรียนรู้จากความล้มเหลว หรือแค่อยากจะรู้อยากจะเห็นว่าหนังที่ได้คะแนน 1% หน้าตาเป็นอย่างไร… หนังเรื่องนี้สร้างมาเพื่อคุณนักแสดงนำและผู้กำกับ
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์: ทำไมมันถึง ‘พัง’ ได้ขนาดนี้?
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน (ในแง่ของความยอดแย่ หรือหนังที่ดีกว่า)
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
