ดูหนัง Boogeyman (2005) บูกี้แมน ปลุกตำนานสัมผัสสยอง
ทุกท่าน! หากคุณเป็นแฟนหนังผีสไตล์ Y2K ที่เน้นการสร้างความตกใจแบบ “Jump Scare” หรือ “ผีตุ้งแช่” แบบเน้นๆ วันนี้คุณมาถูกทางแล้ว! Boogeyman คือภาพยนตร์สยองขวัญที่หยิบเอา “ความกลัวในวัยเด็ก” ที่เป็นสากลที่สุดมาขยายความให้กลายเป็นฝันร้ายบนจอภาพยนตร์ วันนี้เราจะมา “ดูหนัง” ที่จะทำให้คุณต้องคอยมองไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องของคุณด้วยความหวาดระแวง!
เรื่องย่อ
ในวัยเด็ก ทิม เจนเซน (แบร์รี่ วัตสัน) ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สุดสยอง เมื่อเขาเห็นพ่อของตัวเองถูก “อสูรกายลึกลับ” ที่โผล่ออกมาจากตู้เสื้อผ้าลากหายเข้าไปในความมืด! เหตุการณ์นั้นได้สร้างบาดแผลทางจิตใจที่ฝังลึกให้กับเขามาตลอด 15 ปี เขาใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงและสร้างกฎเหล็กให้กับตัวเองเพื่อความปลอดภัย: เขาไม่มีตู้เสื้อผ้าในห้อง, นอนบนฟูกที่วางกับพื้น (เพื่อไม่ให้มีอะไรอยู่ใต้เตียง), และต้องเปิดประตูทุกบานทิ้งไว้เสมอ
แต่แล้วฝันร้ายก็หวนกลับมาอีกครั้ง เมื่อแม่ของเขาเสียชีวิตลง ทำให้เขาต้องเดินทางกลับไปยัง “บ้าน” ในวัยเด็กที่เขาพยายามจะลืมเลือน และเพื่อที่จะเอาชนะความกลัว เขาจึงตัดสินใจที่จะใช้เวลาหนึ่งคืนในบ้านหลังนั้นตามคำแนะนำของจิตแพทย์ และในคืนนั้นเอง… เขาก็ได้ค้นพบว่า “บูกี้แมน” ที่เขาเคยเจอนั้น ไม่ใช่แค่จินตนาการของเด็ก… แต่มันมีอยู่จริง, มันรอคอยการกลับมาของเขาอยู่, และตอนนี้มันพร้อมแล้วที่จะลากเขาลงไปในความมืดเหมือนกับที่เคยทำกับพ่อของเขา! movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
Boogeyman คือหนังที่ซื่อสัตย์ต่อเป้าหมายของตัวเองอย่างแท้จริง นั่นคือการเป็น “เครื่องจักรผลิต Jump Scare” ⭐ 6/10 ทิม (Barry Watson) เคยมีความทรงจำเลวร้ายสมัยเด็ก นั่นคือ เขาเห็นพ่อโดนบูกี้แมนกระชากตัวเข้าไปในตู้เสื้อผ้าอย่างสยดสยอง นั่นทำให้เขาไม่กล้าอยู่ในสถานที่ที่มีหลืบ มีความมืด หรือมุมหรือตู้อะไรทั้งนั้น แต่ทว่าเมื่อเขาโตขึ้น อดีตนั้นได้กลับมาหลอกหลอนเขาอีก… ใช่ครับ พอถึงจุดหนึ่งเขาเลยต้องลุยกับมันซักตั้งเพื่อทำให้ฝันร้ายมันจบลงซะที บูกี้แมนคือตำนานอย่างหนึ่งของคนอเมริกันครับ ส่วนมากเขาจะเล่าเอาไว้หลอกให้เด็กๆ กลัว มันคือปีศาจที่คอยซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าหรือใต้เตียง เรื่องนี้ก็ถือเป็น Urban Legend ที่ดังมากอีกเรื่องเลยล่ะครับ หนังส่วนมากก็ชอบพูดถึง หรือ พี่ Stephen King ก็เคยเอาไปผูกเป็นเรื่องสั้น แต่กับหนังเรื่องนี้แล้ว ผลที่ได้กลับไม่ได้น่าพอใจอะไรครับ ถือว่าอยู่ในระดับธรรมดา เนื้อหาจะว่าไปมันก็ใกล้ๆ เคียงๆ กับ Darkness Falls น่ะครับ แต่ผมว่าเรื่องนั้นยังมันส์กว่าเลยนะครับ อย่างน้อยฤทธิ์เดชเดชาของปีศาจทู๊ทแฟรี่ในเรื่องนั้นยังยิ่งใหญ่และร้ายกาจกว่าพี่บูกี้ตั้งเยอะ จริงๆ ตัวหนังมันก็มีที่เข้าท่าบ้างในเรื่องของบรรยากาศครับ เพราะโลกในหนังมันดูเป็นโลกที่หม่นหมองและน่ากลัวแบบลึกๆ มีแต่หลืบมีแต่มุม เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีตัวบ้าชนิดไหนปรากฎขึ้นมาบ้าง เพียงแต่ผู้กำกับ Stephen Kay เห็นทีจะยังมือไม่แม่นครับ เพราะแม้โทนของหนังมันจะไม่เลว แต่ความตื่นเต้นระทึกขวัญดันนิ่งราบ ดีไม่ดีจะมึนซะด้วย เพราะดูเหมือนเจ้าปีศาจบูกี้ตนนี้จะเน้นโจมตีที่จิตของเหยื่อมากกว่าจะมาแหวะ สรุปแล้วหนังก็ไม่่ได้เฉียบเจ๋งอะไรหรอกครับผม ออกจะน่าผิดหวังด้วย การแสดงก็ไมไ่ด้น่าชื่นชมอะไร การเดินเรื่องก็แค่ค่อนข้างวกๆ วนๆ ไม่ได้ชวนตื่นเต้น มันชวนมึนมากกว่า จริงๆ ลีลามันคล้ายๆ กับงานของ พี่ Brian De Palma น่ะครับ ชอบล่อหลอกเล่นกับอารมณ์คนดู และเอาความคิดคนดูมาขยำไปมา แต่สำหรับพี่ Brian แล้ว ยังไงๆ ในบทสรุปพี่เขาก็ยังสามารถดึงคนดูให้กลับมาสู่โลกแห่งความจริงได้ และทุกปริศนาก็ต้องกระจ่างหมด แต่กับเรื่องนี้ มันขยำความคิดคนดูทั้งเรื่องก็จริง ดึงคนดูกลับมาก็จริง แต่เรื่องการเร้าอารมณ์นี่ต้องบอกว่านิ่งมากครับ ขยำให้มึนอย่างเดียว แต่ความตื่นเต้นไม่มี ความสยองน้อยจนแทบไม่เจอ ไม่ได้ชวนคล้อยตามแต่อย่างใด แต่หนังจัดว่าทำเงินไม่เลวครับ ทำไปราว $67 ล้านจากทั่วโลก ส่วนเงินลงทุนอยู่ที่ $20 ล้าน ก็ถือว่ากำไรใช้ได้ แล้วก็ส่งผลให้มีการทำภาคต่อตามออกมา ⭐ 6/10 บูกี้แมนหยิบเอาตำนานของสัตว์ประหลาดในตู้เสื้อผ้าและสัตว์ประหลาดใต้เตียง
หรืออย่างที่เห็นในภาพยนตร์ เหนือฝ้าเพดานที่ถล่มลงมา
มาปรับให้เข้ากับเรื่องราวเล็กน้อย ทิม ตัวเอกของเรา เป็นเด็กชายตัวเล็กๆ ในตอนเริ่มต้นของเรื่อง เขานอนอยู่บนเตียงในคืนที่น่ากลัว และเงามืดกำลังเล่นตลกกับเขา หรือว่าเป็นเงากันแน่? ชายสวมฮู้ดยืนอยู่ในห้องของเขา? ไม่ใช่ แค่เสื้อแจ็คเก็ตของเขาที่สะพายอยู่บนพนักเก้าอี้ แต่เดี๋ยวก่อน มันขยับหรือเปล่า? เขาเปิดไฟ และแน่นอนว่าเสื้อแจ็คเก็ตนั้นหล่นอยู่บนพื้นอย่างน่าประหลาด เขาส่งเสียงดังเพราะความกลัวมากพอจนพ่อของเขาต้องเข้ามาตรวจสอบ นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะผู้กำกับเคย์ถ่ายทอดความรู้สึกที่พวกเราหลายคนเคยมีตอนเด็กๆ ออกมาได้อย่างดี กลัวความมืด สามารถอ่านอันตรายที่คืบคลานเข้ามาจากภาพสลัวๆ และเสียงแผ่วเบา และในที่สุด พ่อแม่ก็เข้ามาขจัดความคิดเหล่านั้นออกไป แล้วเรื่องราวก็แหวกกฎเกณฑ์ บูกี้แมนมีจริง ดึงพ่อเข้าไปในตู้เสื้อผ้าแล้วพาตัวไป! อ้อ แล้วก็เสียงพวกนั้นไม่ใช่เสียง “แผ่วเบา” จริงๆ นะ นี่มันบ้านที่เสียงดังมาก เสียงเอี๊ยดอ๊าดและครางเหมือนเรือ เคย์ก็ไม่ค่อยใช้เสียงพวกนี้เพื่อสร้างความตกใจเท่าไหร่ เพราะเสียงแหลมและเสียงฟู่แบบกะทันหันจะทำให้คุณสะดุ้งตื่นจากที่นั่ง ใช่ มันเป็นวิธีสร้างความตื่นเต้นแบบประหยัดๆ แต่มันได้ผล ทิมตกใจมาก และเราตัดภาพมา 15 ปีให้หลัง เขาไม่เคยผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปได้ เขาไม่มีตู้เสื้อผ้าในอพาร์ตเมนต์ แถมยังถอดประตูตู้ออกอีกต่างหาก แต่ยังไงก็เถอะ เขาสามารถหารถมัสแตงปี 67 สภาพดีเยี่ยมมาได้ แถมยังได้แฟนสาวผมบลอนด์สุดฮอต (ทำสีผม) อีกด้วย ซึ่งถือว่าน่าประทับใจทีเดียว เพราะเขาไม่ได้แสดงคุณสมบัติอะไรออกมามากนัก ทิมไม่ได้ทำอะไรมากในหนัง นอกจากพึมพำและมองอย่างกังวลแบบเงียบๆ นานมากกกก ที่บ้านแฟนสาวสุดฮอต เขาเห็นภาพแม่ (ลูซี่ ลอว์เลส) บอกให้มองหน้าเธอ ผมไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย และก็ไม่เคยมีใครอธิบายอะไรจริงจังด้วย จริงๆ แล้วในหนังเรื่องนี้มีพล็อตเรื่องที่ขาดๆ หายๆ เยอะมาก และจุดจบที่ยังไม่กระจ่าง เมื่อพิจารณาจากนักเขียนหลายคน ผมเดาว่านี่ไม่ใช่ความพยายามร่วมกัน แต่กลับต้องแก้ไขและปรับปรุงใหม่หมด ยังไงก็เถอะ เขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะพูดอย่างชัดเจนว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ลุงไมค์ของเขาโทรมา แม่ของเขาตายแล้ว ทิมก็เห็นด้วยกับสิ่งที่จิตแพทย์บอกเขา นั่นคือไม่มีมนุษย์ปีศาจ พ่อของเขา “ทิ้ง” พวกเขาไปโดยไม่มีเหตุผล ฯลฯ แต่เขารู้ดีว่ามนุษย์ปีศาจนั้นไม่เพียงแต่มีอยู่จริง แต่ยังทรงพลังพอที่จะฆ่าซีน่า เจ้าหญิงนักรบได้ ถ้าสาเหตุการตายของซีน่าถูกกล่าวถึงในหนัง ผมก็พลาดไป แต่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่ผิดธรรมชาติ ฉันเดาว่าเจ้าบูกี้แมนคงทำแน่ๆ เขาไม่เพียงแต่กลับมาร่วมงานศพแม่เท่านั้น แต่ยังตัดสินใจเผชิญหน้ากับความกลัวและอยู่บ้าน การเผชิญหน้ากับบูกี้แมนเป็นธีมที่หนังเรื่องนี้วนเวียนอยู่ในหัวเราหลายครั้ง ทิมกลับไม่ค่อยเต็มใจนัก และสุดท้ายก็ปิดประตูตู้เสื้อผ้าทุกบานในตอนหนึ่ง ระหว่างที่อยู่บ้าน เขากลับมาติดต่อกับเพื่อนสมัยเด็กที่ดูเหมือนจะคิดถึงเขา และบางทีเขาอาจจะคิดถึงเธอด้วย เช่นเดียวกับพล็อตเรื่องอื่นๆ เรื่องนี้ค่อนข้างคลุมเครือและดูเหมือนจะเป็นพล็อตย่อยอีกเรื่องหนึ่งที่ถูกยัดเยียดเข้ามาจากหนึ่งในหลายๆ เวอร์ชั่นที่นำมาปรับปรุง แฟนสาวสุดฮอตของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า หลังจากที่ขับรถมาหาเขา ผู้หญิงทั้งสองคนนี้จะมีบูกี้แมนมาเยี่ยม เขายังพบเด็กหญิงตัวเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ในโรงเก็บเครื่องมือ เธออธิบายว่าเธออาศัยอยู่ใกล้ๆ และทิ้งกระเป๋าเป้ไว้ เขาพบโปสเตอร์เด็กๆ ที่หายไปจำนวนมาก จู่ๆ เด็กๆ ในโปสเตอร์ก็ปรากฏตัวขึ้นให้เขาเห็นในอีกภาพหนึ่ง ทุกคนเบียดเสียดกัน ดูแข็งแรงสมบูรณ์ (ต่างจากแม่ของเขา) และสงบนิ่ง แต่พวกเขาก็จับจ้องเขาอยู่ทุกฝีก้าว นั่นคงหมายถึงเรื่องร้ายๆ แน่ๆ มีบางส่วนที่เล่าไม่จบเกี่ยวกับแฟนสาวสุดฮอตของเขาที่ถูกบูกี้แมนพาตัวไปจากห้องโมเต็ล เพื่อนสมัยเด็กของเขาก็เกือบจะโดนเหมือนกัน และเด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกลักพาตัวไปในปี 1985 เมื่อเธอพาเขาไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีชายอีกคนอาศัยอยู่ และพยายามเผชิญหน้ากับบูกี้แมนเช่นกัน หากคุณชื่นชอบหนังผีที่เน้น Jump Scare และมีบรรยากาศหลอนๆ เราขอแนะนำ: Q: หนังเรื่องนี้น่ากลัวมากไหม? A: ขึ้นอยู่กับว่าคุณกลัวอะไรครับ! ถ้าคุณเป็นคนขี้ตกใจและกลัวฉาก Jump Scare ที่มาพร้อมเสียงดังๆ หนังเรื่องนี้จะน่ากลัวสำหรับคุณมาก แต่ถ้าคุณมองหาความสยองขวัญเชิงจิตวิทยาที่ลึกซึ้ง คุณอาจจะรู้สึกว่ามันค่อนข้างตื้นเขิน Q: ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงโดนด่าเยอะ แต่ทำเงิน? A: เป็นตัวอย่างคลาสสิกของ “หนังที่นักวิจารณ์เกลียดแต่คนดูรัก” ครับ เพราะหนังมีการตลาดที่ดี, คอนเซปต์ที่เข้าใจง่าย (ผีในตู้), และมอบความน่ากลัวแบบตรงไปตรงมาที่ผู้ชมกระแสหลักต้องการในคืนวันศุกร์ เป็นหนังป๊อปคอร์นสยองขวัญที่สมบูรณ์แบบ Q: “บูกี้แมน” คือตัวอะไร? A: บูกี้แมน เป็นเหมือน “ผี” หรือ “อสูรกาย” ในตำนานพื้นบ้านของฝรั่งครับ ที่ผู้ใหญ่มักจะใช้ขู่เด็กๆ ให้อยู่ในโอวาท โดยมักจะบอกว่ามันซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าหรือใต้เตียง เป็นตัวแทนของความกลัวในวัยเด็กที่เป็นสากล บทสรุป: Boogeyman คือหนัง Jump Scare ที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างซื่อตรง เป็นความบันเทิงสยองขวัญที่ดูสนุกเพลินๆ และเป็นภาพสะท้อนของหนังผีกระแสหลักในยุค 2000 ได้เป็นอย่างดี หากคุณกำลังมองหาหนังผีที่ดูแล้วได้สะดุ้งแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก… อย่าลืมเช็คตู้เสื้อผ้าของคุณก่อนนอนคืนนี้ล่ะ!นักแสดงนำและทีมงานเบื้องหลัง
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
