นักแสดงนำและผู้กำกับ
- เดนเซล วอชิงตัน (Denzel Washington) รับบทเป็น นักสืบคีธ เฟรเซียร์
- ไคลฟ์ โอเวน (Clive Owen) รับบทเป็น ดัลตัน รัสเซลล์: ในบทบาทจอมโจรผู้วางแผนได้อย่างเยือกเย็นและชาญฉลาด
- โจดี้ ฟอสเตอร์ (Jodie Foster) รับบทเป็น เมเดลีน ไวท์
- ผู้กำกับ: สไปค์ ลี (Spike Lee) ผู้กำกับรางวัลออสการ์ ผู้มีลายเซ็นเฉพาะตัว ซึ่งนี่คือผลงานที่ “ดูง่าย” และ “ประสบความสำเร็จในวงกว้าง” ที่สุดเรื่องหนึ่งของเขา แต่ก็ยังคงความเฉียบคมในการวิพากษ์สังคมเอาไว้
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
Inside Man คือมาสเตอร์พีซของหนังแนว “Heist Thriller” (หนังปล้นระทึกขวัญ) อย่างแท้จริง
- บทภาพยนตร์ที่อัจฉริยะ: นี่คือจุดแข็งที่สมบูรณ์แบบที่สุดของหนัง มันคือบทภาพยนตร์ที่ “ฉลาด” อย่างเหลือเชื่อ หนังจะค่อยๆ เปิดเผยจิ๊กซอว์ทีละชิ้น และหลอกล่อให้ผู้ชมคาดเดาไปต่างๆ นานา ก่อนจะตบหน้าเราด้วยบทสรุปที่คาดไม่ถึงแต่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
- เกมจิตวิทยาสุดเชือดเฉือน: หนังเรื่องนี้ไม่มีฉากแอ็คชั่นที่ยิ่งใหญ่ แต่ “ฉากแอ็คชั่น” ที่แท้จริงคือ “บทสนทนา” ระหว่างตัวละครของเดนเซลและไคลฟ์ มันคือการปะทะคารมที่ตึงเครียดและเต็มไปด้วยชั้นเชิง
- การกำกับที่มีสไตล์: สมชื่อ สไปค์ ลี หนังมีสไตล์การกำกับที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งการเปิดเรื่องที่น่าสนใจและการใช้เพลงประกอบที่ยอดเยี่ยม
- IMDb: ให้คะแนนสูงถึง 7.6/10
- Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์อย่างท่วมท้นถึง 86% (Certified Fresh)
Kanin The Movie
⭐ 7/10
มาเปิดดูอีกแบบที่แทบจำอะไรไม่ได้เลย จำได้แค่ว่าตอนจบแม่งโคตรเจ๋ง ซึ่งพอมาดูอีกทีก็พบว่ามันไม่ได้มีดีแค่ที่ตอนจบ เพราะระหว่างทางมันก็สุดยอดมากๆ เหมือนกัน Inside Man (2006) ผสมผสานระหว่างการเป็นหนังปล้นกับการวิพากษ์สังคมอย่างแสบสันต์ สะท้อนสภาวะสังคมอเมริกันอย่างจัดจ้านแต่มีชั้นเชิงซึ่งเป็นสิ่งที่ สไปค์ ลี ทำในผลงานของตัวเองมาเสมอ ทรงหนังเหมือนกับกำลังดู Dog Day Afternoon ของ ซิดนีย์ ลูเม็ต (ซึ่งเหมือนจะเป็นแรงบันดาลใจสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย) แต่ระหว่างทางเราจะพบว่านี่ไม่ใช่หนังปล้น หากแต่เป็นแบบจำลองสภาพสังคมในสภาวะวิกฤต เมื่อมหานครนิวยอร์กตกเป็นภัยจากอาชญากร ประชาชนถูกจับเป็นคนประกัน ตำรวจต้องควบคุมสถานการณ์ให้นองเลือดน้อยที่สุด แต่ภายใต้การชิงไหวชิงพริบระหว่าง ตำรวจ/โจร ก็ยังมีเส้นเรื่องของเจ้าของธนาคาร ผู้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกปิดและรักษาของชิ้นหนึ่งที่ถูกเก็บไว้ที่สาขานี้
แรกเริ่มเราจะได้เห็นซีนที่คุ้นตานั่นคือการปล้น การจับตัวประกัน และพยายามเจาะเข้าไปยังภายใต้ของธนาคาร แต่ทำไปทำมามันกลายเป็นการปล้นที่ประหลาด ตัวหนังไม่ได้บอกเราว่าเขามาปล้นกันทำไม เพื่ออะไร และอยากได้อะไรจากที่นี่ การปล้นมันกลายเป็นสัญลักษณ์ของการคุกคาม หนังไม่ได้พาเราไปดูเป้าหมายว่าพวกเขาจะปล้นสำเร็จหรือไม่ หรืออยากได้อะไรในนั้น แต่เป็นการฉายภาพว่าพวกเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง และเจ้าหน้าที่รัฐมีวิธีการรับมือกับมันยังไง เหล่าโจรไม่ได้บุกเข้ามาทำร้ายประชาชน พวกเขาห่างไกลจากการเห็นฆาตกรเสียด้วยซ้ำ แต่ที่แน่ๆ พวกเขาบุกเข้ามาคุกคามสิทธิ และเสรีภาพประชาชน เปลี่ยนสถานะประชาชนให้กลายเป็นตัวประกัน ถูกจับถอดเสื้อ ถอดกางเกง และติดอยู่ในสถานการณ์อันตราย (ฟังตรงนี่หลายคนอาจจะนึกถึง La Casa de Papel ไปแล้ว 555) สิ่งที่เจ๋งมากๆ คือตัวประกันที่ดูเหมือนไม่ได้ฟังก์ชั่นอะไรกับเรื่อง กลับประกอบรวมกันเป็นสังคมได้อย่างน่าสนใจ สะท้อนไปสู่ภาพของการเมือง หลังจากที่พวกเขาหนีออกมาได้และถูกสอบสวนจากตำรวจที่กำลังค้นหาว่าใครกันที่เป็นอาชญากรตัวจริง
หนังมีฉากเด็ดๆ เยอะมาก สไปค์ ลี ผสมผสานระหว่างการเป็นหนังเฉือนคม ตัวละครเจรจากันไปมาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง พร้อมๆกับการเป็นหนังจิกกัดสังคม พูดถึงประเด็นต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา เราได้เห็นว่าหนังมีท่าทีในการเล่าสังคมอเมริกันหลัง 9/11 พอสมควร มันจับเอาห้วงของความหวาดกลัว ความวิตกกังวลต่อภัยร้ายมาครอบความเป็นหนังปล้นได้อย่างแยบยล สิ่งที่เราได้เห็นจาก Inside Man ไม่ใช่แผนการสุดล้ำเหนือเมฆ แต่เป็นการที่เหล่าโจรใช้ประโยชน์จากสังคมในการปั่นหัวเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนภายนอกอย่างเจ็บแสบ (ซึ่งก็เป็นแผนการของผู้สร้างอีกที) หนึ่งในฉากที่เหี้ยมากๆ คือตอนที่โจรปล่อยตัวประกันออกมาและทุกคนเข้าใจว่าเขาเป็นอาหรับ เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติต่อตัวประกันในฐานะอาชญากรเพราะพวกเขาคิดว่าอาจเป็นภัยอันตรายได้ ทั้งที่จริงๆแล้วเขาเป็นซิกข์ อะไรๆ แบบนี้คือเหี้ยห่ามาก และหนังก็ลากยาวไปเลย เผยให้เห็นความตลกแบบขำไม่ออกที่สะท้อนช่วงเวลานั้น (และอาจเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้) จริงๆ อีกเรื่องที่ฉายภาพความพารานอยด์ของสังคมได้ดีคือ The Siege ที่เดนเซลเล่นเหมือนกัน แต่อันนั้นมาก่อนเหตุ 9/11 เสียอีก
ชอบฟอร์มของหนังมาก สกอร์แจ๊สของ เทอเรนซ์ แบลนชาร์ด เข้ากับหนังแบบสุดๆ สร้างบรรยากาศเฉพาะตัวของ สไปค์ ลี ขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมเฉกเช่นที่ผ่านมา (ใน BlacKkKlansman มีเอาสกอร์เรื่องนี้ไปใช้ด้วย) รวมถึงงานภาพของ แมทธิว ลิบาทีค ก็สุดยอดมากๆ ทั้งเท่ ทั้งเก๋า โดยไม่ทิ้งลายเซ็นต์เก่าของลีไปเช่นกัน (เราเพิ่งดู Clockers ของเขามา ดีไซน์ฉากสืบสวนเหมือนกันเป๊ะๆเลย) Inside Man เป็นหนังปล้นที่สนุกมากๆ เรื่องหนึ่ง แต่มันอาจจะไม่ได้สนุกด้วยฟังก์ชั่นของแผนปล้น แต่มันเป็นหนังที่ใช้การโจรกรรมมาขับเคลื่อนประเด็นสำคัญที่คนเล่าต้องการนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ เราได้เห็นสารพัดสิ่งเกิดขึ้นในระหว่างการปล้น และมันสำคัญกว่าเรื่องที่ว่าเขาปล้นอะไร หรือหนีออกได้อย่างไร เราได้เห็นประเด็นของการกลบฝังประวัติศาสตร์ การเติบโตจากโศกนาฏรรมที่ไม่มีวันชำระได้ ช่วงท้ายเซอร์ไพรซ์เรามากๆ ที่มาเวย์นี้แต่ก็ทำให้หนังยิ่งระห่ำคูณไปอีก บวกกับทีมแคสต์ที่ดีทุกคน จนออกมาเป็น Heist Film ที่น่าจดจำเรื่องหนึ่งของยุคเลยก็ว่าได้
ขอบสหนัง
⭐ 8/10
เคยมีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ตอนช่วง ม.4 ปี 2006 ในโรงหนัง เหตุผลก็เพราะชอบฝีมือการเล่นเป็นตำรวจของเดนเซล วอชิงตัน เลยตัดสินใจไปดูในเวลานั้น ทว่าเราอ่านไม่ออกว่าสิ่งที่สไปค์ ลี ผู้กำกับสอดแทรกอะไรลงไป จนกระทั่งไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ช่อง Mono นำเรื่องนี้มาฉายอีกรอบ เลยตัดสินใจนั่งดูอีกครั้ง ปรากฏว่า รอบนี้เข้าใจและเคลียร์หลายๆประเด็นที่ค้างคาในตัวหนังลงสักที
ข้อดี
การกลับมาดูรอบ 2 ที่ทำให้รู้สึกว่าบทหนังเรื่องนี้นำเสนอแผนการปล้นอันชาญฉลาดสุดแสนแยบยล โจร 4 คน ปลอมตัวเป็นช่างทาสี วางแผนปล้นธนาคารใจกลางเมืองนิวยอร์ก มันคงเป็นการปล้นเงินแน่ๆ ทว่าดูไปดูมา การปล้นนี่มีอะไรบ้างอย่างที่หัวหน้าโจรต้องการ ซึ่งดูเหมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างนั้น มันกลับไม่ใช่เงิน แถมจับตัวประกันกว่า 50 ชีวิต บังคับให้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้เป็นช่างทาสีเหมือนกับพวกโจร ว่าง่ายๆคือป้องกันไม่ให้รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นใคร
หนังคือการเผชิญหน้าต่อรอง ระหว่างโจรที่ฉลาดเป็นกรดกับนักสืบที่ถนัดการเจรจาต่อรองช่วยเหลือตัวประกัน ดูไปดูมามันเหมือนการซื้อเวลาเพื่อให้ตำรวจบุกเข้าไป แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยการหักเหลี่ยมเฉือนคม อีกฝั่งหนึ่งวางแผนดักฟังยั่วยุปั่นป่วน แต่กลับเจออีกฝ่ายใส่เครื่องติดตามความเคลื่อนไหว คือหนังไม่ได้เน้นฉากแอ็คชั่นปะทะต่อสู้กัน ใครชอบหนังที่อุดมไปด้วยชั้นเชิงคงน่าจะชอบ เพราะยิ่งดูไปเรื่อยๆ ความจริงในตัวหนังมันค่อยๆเฉลยออกมา โดยผสมผสานกับมุมมองการเล่าเรื่องของผู้กำกับสไปค์ ลี ที่ตีความได้ง่ายไม่ซับซ้อน ทุกๆฉากที่ออกมาน่าลุ้นน่าติดตาม
นักแสดง
การมีเดนเซล วอชิงตัน รับบทนักสืบเป็นตัวดำเนินเรื่อง มาประชันบทบาทกับไคลฟ์ โอเว่น หัวหน้าทีมปล้นตัวแสบที่วางแผนล่วงหน้าดัดหลังตำรวจ แม้ว่า 2 คนนี้จะเจอกันซึ่งๆหน้าน้อย แต่การเฉือนคมไปมาของทั้งคู่ ดูสนุก คือมันเต็มไปด้วยการต่อรองด้วยจิตวิทยายั่วยุอีกฝั่ง ลุ้นระทึกน่าติดตาม โจดี้ ฟอสเตอร์ นักต่อรองทางการเงินที่ถูกจ้างมายื่นข้อเสนอให้กับโจรตัวแสบ แม้ว่าบทบาทที่ออกมาไม่เยอะ ก็ทำให้รู้เลยว่าคือโบรกเกอร์ที่หวังผลประโยชน์เม็ดเงินอย่างเดียว ตัวละคร 3 คนสร้างสีสันให้หนังได้มหาศาลสมแล้วก็ชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน
ข้อเสีย
เสียดายที่หนังเรื่องนี้ชูประเด็นเรื่องปล้น แต่ที่จริงแล้วมันกลับไม่ได้มีเยอะอย่างที่คาดคิด ทั้งที่ความเป็นจริงมันสามารถขยายความได้มากกว่านี้ ส่วนประเด็นเฉลยความจริงช่วงท้ายรู้สึกเสียดาย ที่ตัวละครหลักมารู้ความจริง แต่กลับไม่ได้วัดคมกับโจรตัวแสบอีก
สรุป : ชื่นชมบทหนังเรื่องนี้ เป็นการนำเสนอประเด็นการปล้นที่มีแผนซ้อนแผนดัดหลังตำรวจมากมาย หักเหลี่ยมเฉือนคม ดูสนุกน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ขอสนับสนุนให้ดูในช่วงเวลาที่ใครต่อใครทำงานอยู่ที่บ้านครับ
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณหลงใหลในหนังปล้นที่ชาญฉลาดและหักมุม เราขอแนะนำ:
- Ocean’s Eleven (2001): หากคุณชอบหนังรวมดาวปล้นที่มีสไตล์และแผนการที่ซับซ้อน
- The Usual Suspects (1995): สุดยอดหนังหักมุมในตำนานที่ว่าด้วยจอมโจรลึกลับ
- Heat (1995) คนระห่ำคน: มาสเตอร์พีซของหนังตำรวจปะทะโจร ที่มีความสมจริงและเข้มข้น
- Dog Day Afternoon (1975): หนังปล้นธนาคาร-จับตัวประกันสุดคลาสสิกอีกเรื่อง ที่สร้างจากเรื่องจริงและมีบรรยากาศกดดันไม่แพ้กัน
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นบู๊ล้างผลาญหรือเปล่า?
A: ไม่ใช่ นี่คือหนัง “ทริลเลอร์-จิตวิทยา” ที่เน้น “ความระทึกขวัญ” (Suspense) จากการชิงไหวชิงพริบและบทสนทนาเป็นหลัก ความตื่นเต้นของหนังมาจากความฉลาดของแผนการ ไม่ใช่ฉากยิงกันครับ
Q: หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงเหรอ?
A: ไม่ใช่ เป็นบทภาพยนตร์ดั้งเดิมที่เขียนขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ความสมจริงและชาญฉลาดของมันก็ทำให้หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องจริง!
Q: ตอนจบหักมุมจริงไหม?
A: เป็นหนึ่งในตอนจบที่ “ชาญฉลาด” และ “น่าพึงพอใจ” ที่สุดเรื่องหนึ่งเลยครับ มันไม่ใช่การหักมุมแบบเซอร์ไพรส์ แต่เป็นการ “เฉลย” แผนการทั้งหมดที่ทำให้คุณต้องทึ่งและอยากจะย้อนกลับไปดูใหม่อีกรอบ!
บทสรุป: Inside Man คือภาพยนตร์ปล้นธนาคารที่สมบูรณ์แบบและฉลาดที่สุดเรื่องหนึ่งตลอดกาล เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างบทภาพยนตร์ระดับอัจฉริยะ, การกำกับที่มีสไตล์, และการแสดงระดับเทพ หากคุณเป็นแฟนหนังที่ชื่นชอบความตึงเครียดและการชิงไหวชิงพริบ… นี่คือหนัง “ต้องดู” ที่คุณห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!