นักแสดง ผู้กำกับ และดนตรีประกอบระดับตำนาน
- โมนิกา เบลลุชชี (Monica Bellucci) รับบทเป็น มาเลน่า นี่คือบทบาทที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตการแสดงของเธอ เบลลุชชีใช้สายตา ท่าทาง และการแสดงออกทางสีหน้าในการถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดของตัวละคร โดยแทบไม่ต้องเอ่ยบทพูดใดๆ
- จูเซปเป ซุลฟาโร (Giuseppe Sulfaro) รับบทเป็น เรนาโตในวัยเด็ก
- ผู้กำกับ: จูเซปเป ทอร์นาทอเร (Giuseppe Tornatore) ผู้กำกับระดับปรมาจารย์เจ้าของผลงานภาพยนตร์คลาสสิกขึ้นหิ้งที่ชนะรางวัลออสการ์อย่าง Cinema Paradiso (1988) ซึ่งลายเซ็นของเขาในการเล่าเรื่องผ่านความทรงจำในเมืองเล็กๆ ยังคงเด่นชัดในเรื่องนี้
- ดนตรีประกอบ: เอนนิโอ มอร์ริโคเน (Ennio Morricone) สุดยอดนักประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ในตำนาน ผู้รังสรรค์ดนตรีที่ทั้งไพเราะ อ่อนหวาน และเศร้าสร้อยให้กับหนังเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
Malèna คือภาพยนตร์ที่ใช้ “ความงาม” เป็นเครื่องมือในการวิพากษ์วิจารณ์สังคมได้อย่างเจ็บแสบที่สุด มันแสดงให้เห็นว่าความงามที่ควรจะเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม กลับกลายเป็นอาวุธที่หันกลับมาทำร้ายเจ้าของได้อย่างไร เมื่อมันตกไปอยู่ท่ามกลางความอิจฉาริษยา, ความใคร่, และความหน้าไหว้หลังหลอกของผู้คน
หนังเรื่องนี้โดดเด่นอย่างมากในด้านภาพที่สวยงามทุกฉากทุกตอน ทอร์นาทอเรสามารถถ่ายทอดบรรยากาศของเมืองเล็กๆ ในอิตาลีออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวา และจับภาพความงามของโมนิกา เบลลุชชี ได้ราวกับเธอเป็นภาพวาดของเทพธิดากรีก แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ลังเลที่จะนำเสนอความโหดร้ายและความป่าเถื่อนของฝูงชนได้อย่างน่าสะพรึงกลัว
- IMDb: ให้คะแนนสูงถึง 7.4/10
- Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์ที่ 54% ซึ่งเสียงวิจารณ์ค่อนข้างแตก โดยบางส่วนชื่นชมในความงดงามทางศิลปะ แต่บางส่วนก็วิจารณ์เรื่องการนำเสนอมุมมองผ่านสายตาผู้ชาย (Male Gaze)
หมื่นทิพ
⭐ 7/10
และ Giuseppe Tornatore ก็ทำหนังดีๆออกมาอีกแล้ว ทีนี้เป็นเรื่องของ มาเลน่า สคอเดีย (Monica Bellucci ผู้รับบท เพรสโฟน คู่ขาของเมโรวิงเจี้ยน แห่ง The Matrix Reloaded และ Revolutions ไงครับ) เธอคือสาวสวยที่ทุกคนหมายปอง ทุกอย่างก้าวที่เธอเดิน จะมีสายตาผู้ชายทั้งเมืองมองตาม ทุกคนอยากมีอะไรกับเธอนั่นแหละครับ ว่าง่ายๆ และนั่นทำให้บรรดาเมียๆ ของคนในเมืองไม่ชอบเธอนัก แล้วหนังก็เล่าเรื่องราวชีวิตของเธอผ่าน เด็กน้อยที่กำลังอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเพศ อย่างเรนาโต้ (Giuseppe Sulfaro) ตอนแรก เรนาโต้ก็มองเธอในแบบที่คนอื่นๆ มองนั่นแหละครับ แต่แล้ว ยิ่งเขาได้ติดตามดูเธอมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรักเธอมากเท่านั้น ไม่ใช่รักแบบอยากจะทำอะไรด้วยนะครับ แต่รักและเป็นห่วงจริงๆ น่ะ
หนัง มาพร้อมเรื่องราวที่มีความหมายในตัวเองครับ เล่าถึงเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงที่สวย แต่เธอก็ไม่พ้นที่จะตกเป็นเหยื่อของสังคม เธอผิดที่เธอสวยครับ ผู้ชายก็มัวแต่แทะโลม ผู้หญิงก็อิจฉา แล้วเธอไม่คบค้าสมาคมกับใครก็ยิ่งแล้วใหญ่เลยครับ ไปๆ มาๆ เธอก็เหมือนตัวประหลาด ซึ่งก็มีเพียงเรนาโต้นี่แหละ ที่เป็นห่วงเธอ ผมว่ามันก็เป็นความรักอีกรูปแบบนึงนะ นับว่าแปลกอยู่เหมือนกันที่เด็กอายุแค่ 10 ปีกว่าๆ อย่างเรนาโต้จะรักแบบเป็นห่วงคนได้ เพราะถ้าว่าตามจริง เขาเป็นวัยรุ่นน่ะครับ อยากจะ … อย่างเดียวซะมากกว่า ถ้าเป็นชายทั่วๆ ไปล่ะก็นะ แต่หนังก็ทำจุดนี้ได้น่าเชื่อครับ เพราะการเฝ้าติดตามมาเลน่าไปจนทั่วเมือง ทำให้เรนาโต้ได้รู้จักกับเธออย่างลึกซึ้งโดยไม่รู้ตัว ทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องความรักซะตั้งแต่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันสะกด ยังไงน่ะครับ
จะว่าไป หนังก็เหมือนกับ บันทึกบทหนึ่งของเด็กชายเรนาโต้น่ะครับ ผมไม่รู้เป็นอะไรนะ ชอบหนังแบบเนี้ย มันดูแล้วรู้สึกราวกับว่าทุกตัวละครมีอยู่จริง เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งในโลก และฉากจบก็จบแบบให้ความรู้สึกว่า บันทึกช่วงหนึ่งของชีวิตเรนาโต้เกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อมาเลน่าก็จบลงตรงนี้ เอง … พอนึกออกใช่มั้ยครับ ผมว่าเราทุกคนย่อมมีเรื่องประทับใจในวัยเด็กกันทั้งนั้นแหละ เวลาเรานั่งนึกถึงเรื่องตอนเด็กๆ ในหัว มันก็อดจะยิ้มไม่ไ่ด้ว่ามั้ยล่ะฮะ นี่แหละ ความรู้สึกเมื่อผมดูหนังเรื่องนี้จบล่ะ มันทำได้ถึงอารมณ์จริงๆ
ผม ว่าใครที่อยากทำหนังแนวประมาณว่า รำลึกอดีตหรือถ่ายทอดความหลังของตนเองลงบนแผ่นฟิล์มน่ะนะครับ ลองเอาเรื่องนี้ไปศึกษาดูเลยครับ ผมว่ามันจะเป็นประโยชน์มากทีเดียว ลองดูว่าเขาทำอย่างไรมันจึงเรียงร้อยอารมณ์ได้ลงตัวอย่างนั้น เขาเล่าอย่างไร ดนตรีอารมณ์ไหน จังหวะอารมณ์ตัวละครเป็นอย่างไร เขาทำให้ตัวละครดูมีชีวิตมีเลือดมีเนื้อจริงๆ ได้อย่างไร เขาทำอย่างไรถึงสื่อให้เราทราบว่า เรนาโต้ได้พัฒนาความรู้สึกที่มีต่อมาเลน่าจากการเริ่มต้นมองด้วยเรื่องทาง เพศเพียงอย่างเดียว ไปสู่ความเข้าใจในตัวเธอและความห่วงใยในตัวเธอ เขาลำดับอารมณ์อีท่าไหน เขาทำให้คนดูคล้อยตามได้อย่างไร
ผมอยากเห็นหนังบ้านเราทำให้มันได้ความรู้สึกระดับนี้จังเลยครับ ให้มันผูกพันและเข้าถึง ไม่ได้เน้นฮาอย่างเดียวน่ะ (ซึ่งเรื่องแฟนฉันก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งครับ แต่ยังไม่มากเท่าเรื่องนี้ หากทำได้ขนาดนี้นะครับ เห็นทีคงต้องมีการแจกทิชชู่ประมาณ 7 ซองน่ะฮะ เพราะโดยส่วนตัวผมว่าพล็อตเรื่อง แฟนฉัน นั้น เราเข้าถึงได้ง่ายมากกว่าเรื่องนี้เยอะ แต่เรื่องอารมณ์มันยังไม่เต็มที่เท่านั้นเอง) อีกหนังที่ยอดเยี่ยม และได้ดนตรีที่เยี่ยมยอดอีกตามเคย ก็จะใครซะอีกละครับ Ennio Morricone เจ้าเก่านั่นแหละครับ งวดนี้ได้ชิงออสการ์ด้วย แต่ดนตรีดีมากๆ ครับ โดยเฉพาะช่วง End Credits ที่สุดยอดคลาสสิค ลองไปฟังดูสิครับ เด็ก 10 ขวบ ยังสามารถมองผู้หญิงว่าเป็นผู้หญิง ว่าเป็นอะไรที่มากกว่าเรื่องทางเพศได้ แล้วผู้ใหญ่อย่างเราๆ เนี่ย เมื่อมองผู้หญิงแล้ว คิดแบบไหนกับเธอบ้างครับ … ผมไม่ไ่ด้ว่านะฮะ แค่ถามเป็นการบ้านลองเก็บไปคิดน่ะ (และผมก็กำลังถามตัวเองด้วยคำถามนี้เหมือนกัน)
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยศิลปะและอารมณ์ที่ลึกซึ้ง เราขอแนะนำ:
- Cinema Paradiso (1988): ผลงานชิ้นเอกของผู้กำกับคนเดียวกัน เป็นหนัง Coming-of-age ที่งดงามและอบอุ่นหัวใจที่สุดเรื่องหนึ่งตลอดกาล
- Life Is Beautiful (1997): อีกหนึ่งภาพยนตร์อิตาเลียนชั้นเยี่ยมที่เล่าเรื่องราวในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผสมผสานความสุขและความเศร้าได้อย่างลงตัว
- The Reader (2008): ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มกับหญิงสาวที่อายุมากกว่า ท่ามกลางฉากหลังของประวัติศาสตร์และคำพิพากษาของสังคม
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: หนังเรื่องนี้เป็นหนังสำหรับผู้ใหญ่หรือเปล่า?
A: ใช่ครับ นี่คือหนังสำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ (Rated R) เนื่องจากมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศ, ภาพเปลือย, และฉากความรุนแรงที่กระทบกระเทือนจิตใจ ไม่เหมาะสำหรับผู้ชมที่อายุต่ำกว่า 18 ปีครับ
Q: ทำไมตัวละครมาเลน่าถึงพูดน้อยมาก?
A: เป็นความตั้งใจของผู้กำกับครับ การที่มาเลน่าแทบไม่ได้พูดเลย สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไม่เคย “รับฟัง” เธอ แต่กลับใช้เธอเป็นเพียง “ภาพ” ที่แต่ละคนจินตนาการและตัดสินไปต่างๆ นานาตามความต้องการของตัวเอง
Q: หนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่ออะไร?
A: หนังเรื่องนี้คือบทวิพากษ์อันทรงพลังเกี่ยวกับความหน้าซื่อใจคด, พลังทำลายล้างของคำนินทา, และความโหดร้ายของฝูงชนที่พร้อมจะทำลายปัจเจกบุคคล โดยเฉพาะผู้หญิง ที่ไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติหรือกรอบที่สังคมตีไว้
บทสรุป: Malèna คือผลงานศิลปะที่ทั้งงดงามและปวดร้าว เป็นภาพยนตร์ที่คุณจะไม่มีวันลืมเลือน ทั้งความงามของโมนิกา เบลลุชชี และความโหดร้ายของมนุษย์ที่กระทำต่อเธอ นี่คือหนังที่ไม่ใช่แค่ให้ดู แต่ให้เราได้ “รู้สึก” และ “คิด” ต่ออย่างลึกซึ้ง เป็นประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่คอหนังตัวจริงไม่ควรพลาด