ดูหนัง Opapatika (2007) โอปปาติก เกิดอมตะ
ทุกท่าน! หากคุณกำลังมองหาหนังไทยที่ไม่ใช่แค่ตลกโปกฮาหรือรักหวานแหวว แต่เป็นหนังที่ “กล้า” จะสร้างโลกใบใหม่ที่มืดมน, ซับซ้อน, และเต็มไปด้วยแอ็คชั่นสุดเดือด วันนี้คุณมาถูกทางแล้ว! โอปปาติก คือภาพยนตร์ที่เป็นเหมือน “อีเวนต์” สำคัญของวงการหนังไทยในปี 2550 มันคือการ “ดูหนัง” ที่จะทำให้คุณทึ่งไปกับคอนเซปต์สุดล้ำและสไตล์ภาพที่ไม่เหมือนใคร!
เรื่องย่อ
หนังพาเราไปรู้จักกับ “โอปปาติก” เหล่าอมนุษย์ผู้ได้รับพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ… แลกกับการ “ฆ่าตัวตาย” แต่พลังที่ได้มานั้นไม่ใช่ของฟรี ทุกคนต่างต้องแบกรับ “คำสาป” หรือข้อจำกัดอันเจ็บปวดติดตัวไปตลอดกาล!
- จิรัน (ลีโอ พุฒ): สามารถหยั่งรู้อนาคต แต่ต้องแลกมาด้วยการแก่ชราลงอย่างรวดเร็วทุกครั้งที่ใช้พลัง
- ศดก (สมชาย เข็มกลัด): มีญาณสัมผัสพิเศษ แต่ต้องแลกด้วยการสูญเสียประสาทสัมผัสทีละอย่าง
- ไปศล (ชลัฏ ณ สงขลา): รวดเร็วว่องไวเหนือมนุษย์ แต่ต้องเจ็บปวดทรมานทุกครั้งที่ใช้พลัง
- อรุษ (เข็มอัปสร สิริสุขะ): มีพลังในการรักษา แต่ต้องแลกมาด้วยการรับความเจ็บปวดของผู้ป่วยมาไว้ที่ตัวเอง
- เตชิต (ชาคริต แย้มนาม): ฆ่าไม่ตาย ล่องหนหายตัวได้ แต่ต้องทนทุกข์อยู่กับความมืดและความโดดเดี่ยว
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ธุวชิต (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ผู้นำโอปปาติกฝ่ายหนึ่ง ต้องการจะยุติชีวิตอมตะอันแสนทรมานของตนเอง แต่เขาไม่สามารถตายได้ด้วยวิธีธรรมดา หนทางเดียวคือการให้โอปปาติกตนอื่นสังหาร เขาจึงได้ว่าจ้างให้ เตชิต โอปปาติกนักฆ่าผู้ลึกลับ ออกตามล่าสังหารเหล่าโอปปาติกคนอื่นๆ เพื่อล่อให้ “ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด” ปรากฏตัวออกมา
ในขณะเดียวกัน นักสืบเทอด (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ตำรวจผู้ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ ก็ได้เข้ามาสืบสวนคดีฆาตกรรมประหลาดที่เกิดขึ้น และค่อยๆ ถูกดึงเข้าไปสู่สงครามลับของเหล่าโอปปาติกอย่างไม่มีทางเลี่ยง! movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงนำและผู้กำกับ
นี่คือการรวมพลซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของเมืองไทยในยุคนั้นอย่างแท้จริง!
- ชาคริต แย้มนาม รับบทเป็น เตชิต
- สมชาย เข็มกลัด (เต๋า) รับบทเป็น ศดก
- ลีโอ พุฒ รับบทเป็น จิรัน
- เข็มอัปสร สิริสุขะ (เชอรี่) รับบทเป็น ปราณประিয়া (อรุษ)
- พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง รับบทเป็น นักสืบเทอด
- นิรุตติ์ ศิริจรรยา รับบทเป็น ธุวชิต
- ผู้กำกับ: ธนกร พงษ์สุวรรณ
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
โอปปาติก คือหนังไทยที่ “ทะเยอทะยาน” อย่างยิ่งยวด และควรค่าแก่การยกย่อง
- คอนเซปต์สุดล้ำ: ไอเดีย “พลังพิเศษแลกมาด้วยคำสาป” คือคอนเซปต์ที่แข็งแรง, ดาร์ก, และน่าสนใจอย่างยิ่ง มันทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังแอ็คชั่นทั่วไปและมีมิติเชิงปรัชญาที่น่าขบคิดเกี่ยวกับชีวิตและความตาย
- สไตล์ภาพที่จัดจ้าน: หนังเรื่องนี้มีงานภาพที่มี “สไตล์” ชัดเจน การใช้โทนสีหม่น, มุมกล้องที่หวือหวา, และการออกแบบงานสร้างที่ดูดิบเถื่อน ทำให้โลกของโอปปาติกดูน่าเชื่อถือและน่าค้นหา
- ฉากแอ็คชั่นที่น่าจดจำ: แม้จะมีข้อจำกัดด้านเทคนิคพิเศษอยู่บ้าง (สำหรับมาตรฐานปัจจุบัน) แต่ฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้อย่างดุดันและมีไอเดียที่สร้างสรรค์ โดยเฉพาะการใช้พลังพิเศษของตัวละครต่างๆ
อย่างไรก็ตาม หนังก็มีจุดอ่อนที่ชัดเจนเช่นกัน คือ “บทภาพยนตร์” ที่ค่อนข้างจะ “สับสน” และ “ซับซ้อนเกินไป” ด้วยตัวละครที่เยอะมากและพล็อตเรื่องที่พยายามจะเล่าหลายประเด็น ทำให้ผู้ชมอาจจะตามเรื่องได้ยากในบางช่วง
- IMDb: ให้คะแนน 5.5/10
- แม้จะไม่มีคะแนนใน Rotten Tomatoes แต่ โอปปาติก คือหนังที่สร้าง “กระแส” และ “ข้อถกเถียง” ได้อย่างกว้างขวางในประเทศไทย และได้กลายเป็น “หนังคัลท์” ที่คอหนังไทยยังคงพูดถึงอยู่เสมอ
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังแนวแอ็คชั่น-แฟนตาซี-ดาร์ก เราขอแนะนำ:
- จอมขมังเวทย์ (Necromancer) (2005): หนังไทยอีกเรื่องที่ผสมผสานแอ็คชั่นเข้ากับเรื่องราวเหนือธรรมชาติได้อย่างเข้มข้น
- Constantine (2005): หนังฮอลลีวูดที่ว่าด้วยโลกของเทพ, มาร, และมนุษย์
- X-Men : หากคุณชอบเรื่องราวของกลุ่มคนผู้มีพลังพิเศษ
- Watchmen (2009): หนังซูเปอร์ฮีโร่สายดาร์กที่เต็มไปด้วยประเด็นเชิงปรัชญา
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: “โอปปาติก” คืออะไร?
A: เป็นคำในภาษาบาลีครับ หมายถึง “ผู้ที่เกิดผุดขึ้น” (เช่น เทวดา หรือ สัตว์นรก) ซึ่งในหนังเรื่องนี้ได้นำมาตีความใหม่ หมายถึงอมนุษย์ที่เกิดจากการฆ่าตัวตายและได้รับพลังพิเศษมาครับ
Q: หนังเรื่องนี้เป็นหนังผีหรือเปล่า?
A: ไม่ใช่หนังผีครับ แต่เป็น “แอ็คชั่น-แฟนตาซี-เหนือธรรมชาติ” ที่มีโทนเรื่องที่ “ดาร์ก” และ “รุนแรง”
Q: ทำไมหนังถึงดูสับสนจัง?
A: เป็นจุดที่ถูกวิจารณ์มากที่สุดครับ ด้วยความทะเยอทะยานของผู้สร้างที่ต้องการจะเล่าเรื่องราวที่ซับซ้อนและมีตัวละครจำนวนมาก ทำให้การลำดับเรื่องและการอธิบายปูมหลังของตัวละครอาจจะยังทำได้ไม่ดีพอ ทำให้ผู้ชมบางส่วนรู้สึกสับสนได้
บทสรุป: โอปปาติก เกิดอมตะ คือภาพยนตร์ไทยที่ทั้ง “กล้าหาญ”, “ทะเยอทะยาน”, และ “มีสไตล์” อย่างที่สุด เป็นผลงานที่อาจจะไม่สมบูรณ์แบบในด้านบทภาพยนตร์ แต่ก็เต็มไปด้วยคอนเซปต์ที่น่าสนใจและฉากแอ็คชั่นที่น่าจดจำ หากคุณเป็นแฟนหนังไทยที่มองหาความแตกต่าง… นี่คือหนังที่คุณควรลองสัมผัส