ดูหนัง Sin City (2005) ซิน ซิตี้ เมืองคนตายยาก
ทุกท่าน! ลืมทุกสิ่งที่คุณเคยรู้เกี่ยวกับ “หนังจากคอมิก” ไปได้เลย เพราะ Sin City ไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่ แต่มันคือการ “ปลุกชีวิพ” ให้กราฟิกโนเวลสุดดาร์กของ แฟรงค์ มิลเลอร์ ขึ้นมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์แบบหน้าต่อหน้า! นี่คือผลงานภาพยนตร์ Neo-Noir ที่โดดเด่นด้วยสไตล์ภาพขาว-ดำสุดจัดจ้าน และการรวมพลังของ 3 ผู้กำกับสุดเก๋า วันนี้เราจะมา “ดูหนัง” ที่เป็นมากกว่าแค่หนัง แต่มันคืองานศิลปะเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและสไตล์
เรื่องย่อ
Sin City ไม่ได้เล่าเรื่องราวเดียว แต่เป็นการนำเสนอ 3 เรื่องราว (บวกกับบทนำและบทส่งท้าย) ที่เกิดขึ้นใน “เบซิน ซิตี้” เมืองที่เน่าเฟะไปด้วยการคอรัปชั่น, อาชญากรรม, และตัณหา
- The Hard Goodbye: มาร์ฟ (มิคกี้ รู้ค) ชายร่างยักษ์หน้าอัปลักษณ์ผู้มีจิตใจซื่อตรง ตื่นขึ้นมาพบว่า โกลดี้ โสเภณีสาวสวยเพียงคนเดียวที่เคยใจดีกับเขา ถูกฆาตกรรมอยู่บนเตียงนอน! เขาจึงออกอาละวาดไปทั่วทั้งเมืองเพื่อตามล่าล้างแค้นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการตายของเธออย่างโหดเหี้ยม
- The Big Fat Kill: ดไวท์ (ไคลฟ์ โอเวน) เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์นองเลือดใน “โอลด์ ทาวน์” เขตแดนของเหล่าโสเภณีนักสู้ เมื่อเขาต้องช่วยพวกเธอปกปิดความผิดและเอาตัวรอดจากสงครามระหว่างแก๊งค์มาเฟียและตำรวจนอกรีต
- That Yellow Bastard: ฮาร์ติแกน (บรูซ วิลลิส) ตำรวจเฒ่าผู้ซื่อตรง กำลังจะเกษียณในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แต่เขาตัดสินใจทำภารกิจสุดท้ายที่เสี่ยงที่สุด นั่นคือการช่วยชีวิต แนนซี่ เด็กสาววัย 11 ปี จากเงื้อมมือของฆาตกรโรคจิตลูกชายของผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งนำไปสู่การถูกใส่ร้ายและจุดเริ่มต้นของการล้างแค้นที่ยาวนาน movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงนำและทีมผู้กำกับ
- กองทัพนักแสดงระดับ All-Star: หนังเรื่องนี้อัดแน่นไปด้วยนักแสดงชื่อดังมากมาย อาทิ บรูซ วิลลิส, มิคกี้ รู้ค (ในบทบาทที่ทำให้เขากลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง), ไคลฟ์ โอเวน, เจสสิกา อัลบา, เบนิซิโอ เดล โทโร, อีไลจาห์ วูด (ในบทฆาตกรโรคจิตที่น่าขนลุก), บริตทานีย์ เมอร์ฟี, โรซาริโอ ดอว์สัน และอีกเพียบ!
- สามเทพผู้กำกับสุดคูล:
- โรเบิร์ต รอดริเกซ (Robert Rodriguez): ผู้กำกับหลัก ผู้นำวิสัยทัศน์สุดล้ำมาสู่จอภาพยนตร์
- แฟรงค์ มิลเลอร์ (Frank Miller): เจ้าของผลงานคอมิกต้นฉบับ ที่ถูกเชิญมาเป็นผู้กำกับร่วมเพื่อให้แน่ใจว่าหนังจะซื่อตรงต่อต้นฉบับที่สุด
- เควนติน ทาแรนติโน (Quentin Tarantino): มาเป็น “ผู้กำกับรับเชิญพิเศษ” ใน 1 ฉาก ด้วยค่าตัวเพียง 1 ดอลลาร์!
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
Sin City คือการปฏิวัติทางด้านภาพอย่างแท้จริง
- สไตล์ภาพที่ไม่เคยมีมาก่อน: จุดเด่นที่สุดของหนังคือการใช้ภาพ “ขาว-ดำ” ที่มีคอนทราสต์จัดจ้าน และมีการใช้ “สี” เฉพาะจุด (Selective Color) เช่น ชุดสีแดง, เลือดสีเหลือง เพื่อเน้นย้ำองค์ประกอบบางอย่าง ซึ่งเป็นการถอดภาพจากคอมิกมาแบบช่องต่อช่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- การคารวะหนังฟิล์มนัวร์ (Film Noir): หนังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของหนังฟิล์มนัวร์คลาสสิก ทั้งตัวละครชายผู้แข็งกระด้าง, หญิงสาวสุดอันตราย (Femme Fatale), และบทพูดเท่ๆ ที่คมคาย
- ความรุนแรงที่มีสไตล์: แม้หนังจะเต็มไปด้วยความรุนแรงระดับสุดขั้ว แต่ด้วยสไตล์ภาพที่เหนือจริงราวกับการ์ตูน ก็ทำให้ความรุนแรงนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะมากกว่าที่จะดูสมจริงจนน่าขยะแขยง
- IMDb: ให้คะแนนสูงถึง 8.0/10
- Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์อย่างท่วมท้นถึง 76% (Certified Fresh) และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “ปาล์มทองคำ” จากเทศกาลหนังเมืองคานส์
Imdbidia
⭐ 6/10
ภาพยนตร์เรื่องนี้อิงทั้งเนื้อเรื่องและสุนทรียศาสตร์จากการ์ตูนแนวนัวร์ของแฟรงค์ มิลเลอร์ ผู้กำกับร่วมของภาพยนตร์เรื่องนี้ ร่วมกับโรเบิร์ต โรดริเกซ โดยมีเควนติน แทแรนติโน รับหน้าที่กำกับฉากหนึ่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสมผสานเรื่องราวสี่เรื่องเข้าด้วยกัน ซึ่งตัวละครจะโคจรมาพบกัน ณ จุดหนึ่ง ได้แก่ The Customer Is Always Right, The Hard Goodbye, The Big Fat Kill และ That Yellow Bastard ภาพยนตร์เรื่องนี้สวยงามตระการตาและมีสไตล์ ให้ความรู้สึกและให้ความรู้สึกเหมือนการ์ตูนนัวร์จริงๆ ด้วยการจัดองค์ประกอบภาพและการวางตำแหน่งกล้องที่เหมือนกับฉากสั้นๆ ในการ์ตูน รวมถึงการใช้โทนภาพขาวดำและแสงเงาที่ตัดกันอย่างโดดเด่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้โทนสีดำ ขาว และซีเปียที่งดงาม พร้อมการตัดสีแดงและสีสันสดใส ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการถ่ายภาพและการวาดภาพ แต่ไม่เคยใช้ในภาพยนตร์มาก่อน ภาพยนตร์ถ่ายทำโดยใช้พื้นหลังสีเขียวทั้งหมด
ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องแบบหัวใจวาย ไร้ซึ่งความน่าเบื่อหรือความผ่อนคลายแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ใจอ่อน เพราะความรุนแรงและเลือดสาดรุนแรงมากจนดูยากลำบาก การที่คนที่ถูกลงโทษสมควรได้รับโทษ ก็ไม่ได้ทำให้ความรุนแรงนั้นกลืนกินใจนัก ตัวละครไม่เคยน่าเบื่อเลย ดูเหมือนมนุษย์มาก ไม่ได้ดีหรือเลว แต่ทั้งสองอย่างเลย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเป็นตัวละครที่เศร้าโศก ตลก และไร้ความปราณี ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างความสุขให้ผู้ชมด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมจากกลุ่มนักแสดงระดับแนวหน้า อย่างไรก็ตาม มิกกี้ รูร์ก, บรูซ วิลลิส, เบนิซิโอ เดล โตโร, ไคลฟ์ โอเวน และโรซาริโอ ดอว์สัน ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เจสสิก้า อัลบา และเอไลจา วูด ซึ่งปกติแล้วน่าเบื่อ ก็แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมในบทบาทของพวกเขาเช่นกัน
squirrel_burst
⭐ 6/10
เข้มข้น ดิบ เถื่อน รุนแรง และรุนแรง เป็นการดัดแปลงจากนิยายภาพของแฟรงก์ มิลเลอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าคุณจะไม่เคยอ่านต้นฉบับมาก่อนก็ตาม ถือว่าสนุกมาก ภาพยนตร์รวมเรื่องสั้นเรื่องนี้นำเสนอตัวละครที่น่าจดจำและน่าชื่นชอบ (หรือน่ารังเกียจ) ซึ่งจะดึงดูดความสนใจของคุณและทำให้ผู้ชมติดหนึบไปตลอดทั้งเรื่อง มีฉากและบทพูดที่น่าจดจำมากมายที่รับรองว่าจะต้องติดตรึงอยู่ในใจคุณ แต่ส่วนที่ดีที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คืองานกำกับศิลป์และสไตล์ภาพ สิ่งหนึ่งที่ผมดีใจที่หนังเรื่องนี้ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ดั้งเดิมคือ เรื่องราวเกือบทั้งหมดถูกถ่ายทอดเป็นภาพขาวดำ โดยเน้นความคมชัดในหลายฉาก ไม่เพียงแต่ทำให้ฉากบางฉากดูโดดเด่นสะดุดตาเท่านั้น แต่ยังทำให้ติดตามได้ง่ายอีกด้วย หนังยังนำเสนอสิ่งที่แปลกใหม่ มีการแต้มสีในบางฉากเพื่อให้ฉากบางฉากดูโดดเด่นยิ่งขึ้น มีตัวละครบางตัวที่ถูกเน้นด้วยสีเหลือง รูปร่างหน้าตาของเขาทำให้เขาโดดเด่นอยู่แล้ว แต่การใช้สีแบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกน่าขนลุกเป็นพิเศษ
ซึ่งได้ผลดีมาก ฉากและการออกแบบตัวละคร (เพราะตัวละครบางตัวในหนังเรื่องนี้แต่งหน้าจัดและเสริมแต่งให้ดูโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น) ทำให้ทุกเฟรมดูเหมือนภาพในหนังสือการ์ตูน ทุกช็อตที่ผมเห็นดูเหมือนถูกวางแผนมาอย่างพิถีพิถัน เหมือนงานศิลปะที่เอาไปใส่กรอบติดผนังได้เลยทีเดียว สไตล์ที่ดูโดดเด่นไม่ใช่แค่ลูกเล่น แต่มันกลมกลืนไปกับเนื้อเรื่องได้อย่างลงตัว ช่วยตอกย้ำความดิบเถื่อนและแก่นเรื่องของการทุจริต ในขณะเดียวกันก็ช่วยเน้นย้ำความรุนแรงที่แพร่หลายในภาพยนตร์ คำวิจารณ์เดียวของผมคือการแสดงของบางคนไม่ดีนัก (บรูซ วิลลิสเล่นแบบเรียบง่ายเกินไป) ถือว่าน่าผิดหวังเมื่อพิจารณาว่าตัวละครอื่นๆ ทำได้ดีทีเดียว และไม่ได้เป็นแบบที่คุณคาดหวัง ผมต้องมองซ้ำสองครั้งเมื่อรู้ว่านั่นคือ Elijah Wood และ Mickey Rourke ที่ผมเพิ่งดูไป! มันอาจจะดูผสมๆ กันเล็กน้อยในส่วนนี้ แต่ทุกอย่างอื่นๆ ถือว่ายอดเยี่ยมมาก เมื่อคุณได้ดู “Sin City” แล้ว คุณจะลืมมันไม่ได้เลย และไม่ใช่แค่เพราะภาพเท่านั้น
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณหลงใหลในหนังที่มีสไตล์ภาพจัดจ้านและดัดแปลงจากคอมิก เราขอแนะนำ:
- 300 (2006): หนังอีกเรื่องที่ดัดแปลงจากคอมิกของ แฟรงค์ มิลเลอร์ และมีสไตล์ภาพที่เป็นเอกลักษณ์ไม่แพ้กัน
- Pulp Fiction (1994): หากคุณชื่นชอบการเล่าเรื่องแบบไม่เรียงลำดับเวลาและบทพูดสุดคมคายของเหล่าอาชญากร
- Watchmen (2009): การดัดแปลงกราฟิกโนเวลอีกเรื่องที่ซับซ้อนและดาร์กไม่แพ้กัน
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงเป็นภาพขาว-ดำเกือบทั้งเรื่อง?
A: เป็นความตั้งใจของผู้กำกับครับ เพื่อที่จะจำลองสไตล์ภาพของคอมิกต้นฉบับของ แฟรงค์ มิลเลอร์ ซึ่งเป็นคอมิกขาว-ดำเช่นกัน การใช้สีเฉพาะจุดก็เป็นการนำเทคนิคจากในคอมิกมาใช้โดยตรงเพื่อเน้นอารมณ์หรือสิ่งของที่สำคัญ
Q: หนังเรื่องนี้โหดแค่ไหน?
A: โหดมากครับ มีความรุนแรงในระดับสูง ทั้งการตัดคอ, การทรมาน, และฉากที่นองเลือด แต่ด้วยสไตล์ภาพที่เหนือจริง ทำให้มันดูเหมือนความรุนแรงในหนังสือการ์ตูนมากกว่าในชีวิตจริง เหมาะสำหรับผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่เท่านั้น
Q: เควนติน ทาแรนติโน กำกับทั้งเรื่องเลยเหรอ?
A: ไม่ใช่ครับ เขาเป็น “ผู้กำกับรับเชิญพิเศษ” แค่ฉากเดียวเท่านั้น (ฉากที่ดไวท์ขับรถคุยกับศพของแจ็คกี้ บอย) ซึ่งเป็นการมาร่วมสนุกกับเพื่อนสนิทอย่าง โรเบิร์ต รอดริเกซ ครับ
บทสรุป: Sin City คือผลงานที่ทั้งกล้าหาญ, สวยงาม, และโหดเหี้ยมอย่างมีสไตล์ เป็นหมุดหมายสำคัญของวงการหนังที่พิสูจน์ให้เห็นว่าคอมิกสามารถถูกดัดแปลงมาเป็นภาพยนตร์ได้อย่างซื่อตรงและเปี่ยมด้วยศิลปะ หากคุณเป็นแฟนของหนังแนว Neo-noir หรือชื่นชอบงานภาพที่ไม่เหมือนใคร… เมืองคนบาปแห่งนี้พร้อมต้อนรับคุณเสมอ