ดูหนัง The Eye 10 (2005) คนเห็นผี 10
ทุกท่าน! หลังจากที่ The Eye (คนเห็นผี) ภาค 1 และ 2 ได้สร้างมาตรฐานความน่ากลัวไว้สูงลิบ… การกลับมาครั้งนี้ของแฟรนไชส์ก็ได้สร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้กับผู้ชม!
เกร็ดน่ารู้ที่สำคัญที่สุด: แม้หนังจะใช้ชื่อว่า The Eye 10 แต่นี่คือภาพยนตร์ลำดับที่ 3 ในแฟรนไชส์ The Eye ครับ! โดยเลข “10” นั้นมาจากเนื้อหาในเรื่อง ไม่ใช่ลำดับภาค และที่สำคัญที่สุดคือ… ภาคนี้ไม่ใช่หนังสยองขวัญจริงจัง แต่เป็นหนังแนว “สยองขวัญ-คอเมดี้” (Horror-Comedy)!
เรื่องย่อ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มวัยรุ่นชาวไทย นำโดย เท็ด (เฉินป๋อหลิน) และเพื่อนๆ ได้เดินทางไปเที่ยวพักผ่อนที่บ้านเพื่อนในฮ่องกง ด้วยความเบื่อหน่าย พวกเขาได้ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า “10 วิธีเห็นผี” ซึ่งรวบรวมเอาเคล็ดลับการลองของสุดพิสดารต่างๆ นานาจากทั่วเอเชียมาไว้ในเล่มเดียว ด้วยความคึกคะนองและไม่เชื่อในเรื่องลี้ลับ พวกเขาจึงตัดสินใจเล่นสนุกด้วยการ “ท้าลอง” วิธีเห็นผีในหนังสือทีละข้อ! ตั้งแต่การเล่นซ่อนหาตอนเที่ยงคืน, การเอาดินจากหลุมศพมาทาตา, ไปจนถึงการก้มมองลอดใต้หว่างขา!
แต่การละเล่นที่ควรจะสนุกสนานกลับกลายเป็นฝันร้าย เมื่อ “ของจริง” เริ่มปรากฏตัว! พวกเขาได้ปลุกวิญญาณร้ายขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และตอนนี้มันกำลังออกไล่ล่าพวกเขาจริงๆ! กลุ่มวัยรุ่นสุดป่วนจึงต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากผลของการลองดีสุดพิเรนทร์ของตัวเอง movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงนำและผู้กำกับ
- เฉินป๋อหลิน (Chen Bolin) (จาก Blue Gate Crossing) รับบทเป็น เท็ด
- อิซาเบลล่า เหลียง (Isabella Leong) รับบทเป็น เอพริล
- เรย์ แมคโดนัลด์ รับบทเป็น ชงควี
- กู้จื่อเจี้ยน (Kate Yeung) รับบทเป็น เมย์
- ผู้กำกับ: พี่น้องแปง (The Pang Brothers – ออกไซด์ และ แดนนี่ แปง) ผู้กำกับคู่หูจากสองภาคแรก กลับมาคุมบังเหียนอีกครั้ง แต่เปลี่ยนแนวทางไปอย่างสิ้นเชิง!
โปสเตอร์หนัง



รีวิวและบทวิเคราะห์
The Eye 10 คือการเปลี่ยนทิศทางของแฟรนไชส์แบบ 180 องศา
- การเปลี่ยนแนวทางที่กล้าหาญ (หรือบ้าบิ่น?): การเปลี่ยนจากหนังสยองขวัญจิตวิทยาสุดกดดัน มาเป็นหนังตลก-สยองขวัญวัยรุ่น คือการตัดสินใจที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แฟนๆ ที่คาดหวังความน่ากลัวแบบภาคแรกจะต้องผิดหวังอย่างรุนแรง
- คอนเซปต์ที่สร้างสรรค์: ต้องยอมรับว่าไอเดีย “10 วิธีเห็นผี” นั้นน่าสนใจและสร้างสรรค์มาก มันทำให้หนังมีโครงสร้างเหมือนการผจญภัยในด่านต่างๆ ที่ทั้งตลกและน่ากลัว
- ความบันเทิงสำหรับผู้ชมกลุ่มใหม่: หากคุณไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ของสองภาคแรก และกำลังมองหาหนังผีเบาสมองที่ดูสนุกกับเพื่อนๆ ภาคนี้อาจจะตอบโจทย์คุณได้ดี มันคือหนังวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยมุกตลกและสถานการณ์สุดป่วน
โดยสรุปแล้ว นี่คือภาคต่อที่ “เสียงแตก” ที่สุด คุณค่าของมันขึ้นอยู่กับว่าคุณเข้ามาดูโดยคาดหวังอะไร
- IMDb: ให้คะแนน 5.0/10
- Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์เพียง 25% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผิดหวังของนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ต่อการเปลี่ยนแนวทางของหนัง
claudio_carvalho
⭐ 5/10
ที่ประเทศไทย จงไกวกำลังต้อนรับเท็ด เมย์ ลูกพี่ลูกน้องของเขา โคเฟย และเอพริล แฟนสาวจากฮ่องกง ระหว่างทัวร์ท่องเที่ยว พวกเขาพบอุบัติเหตุบนท้องถนน และเมื่อกลับมาถึงบ้านของจงไกว พวกเขาตัดสินใจเล่าเรื่องผี จงไกวจึงนำหนังสือเวทมนตร์ที่มี 10 วิธีดูวิญญาณมาให้พวกเขาดู และพวกเขาก็ตัดสินใจทำตามขั้นตอน เมื่อโคเฟยหายตัวไป เอพริลจึงพยายามตามหาเขา ขณะที่เท็ดและเมย์วิ่งกลับฮ่องกง แต่วิญญาณเหล่านั้นไม่ยอมจากไปและยืนกรานที่จะเล่นกับพวกเขา เท็ดและเมย์กลับมายังประเทศไทยเพื่อพยายามหยุดเห็นผี “กินกวาย 10” เป็นเรื่องผีที่สมเหตุสมผล มีช่วงเวลาตลกๆ มากมายและเอฟเฟกต์พิเศษที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ธีมนี้เริ่มสูญเสียความน่าสนใจ: “กินกวาย” ฉบับดั้งเดิมเป็นภาพยนตร์ที่น่ากลัวมาก ภาคต่อ “กินกวาย 2” ก็น่ากลัวเช่นกัน แต่ตอนจบกลับดูหลอกลวง ภาคต่อภาคนี้อาจจะอ่อนกว่า แต่ก็ให้ความบันเทิงได้ดี ฉันขำฉากเท็ดในตึกของเอพริลมาก ฮาสุด ๆ และน่าจะเป็นฉากที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้เลย โหวตให้หกคะแนนเลย
MovieGuy
⭐ 5/10
ไทย ฉันคิดว่า The Eye 3 เป็นหนังสยองขวัญที่ดีทีเดียว กำกับโดยพี่น้อง Pang เริ่มต้นจากประเทศไทย Chongkwai ได้รับการเยี่ยมเยียนจากเพื่อนๆ ของเขา Ted และลูกพี่ลูกน้องของเขา May และ Kofei และแฟนสาวของเขา April จากฮ่องกง ระหว่างที่พวกเขากำลังทัวร์ พวกเขาเห็นอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงกลับไปที่บ้านของ Chongkwai และเล่าเรื่องผี Chongkwai แสดงหนังสือที่มี 10 วิธีในการดูวิญญาณให้พวกเขาดู จากนั้น Kofei ก็หายตัวไป April พยายามตามหาเขา Ted และ May กลับไปฮ่องกง แต่วิญญาณไม่ได้ทิ้งพวกเขาไปและยังคงติดตามพวกเขาไปทุกที่ ฉันไม่คิดว่านี่จะดีเท่ากับภาพยนตร์ Eye สองภาคแรก
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบหนังแนวสยองขวัญ-คอเมดี้ เราขอแนะนำ:
- ปอบหวีดสยอง (Body Jumper) (2001): หนังสยองขวัญ-คอเมดี้ไทยสุดคลาสสิก ที่ผสมผสานความน่ากลัวกับความฮาได้อย่างลงตัว
- Scary Movie (แฟรนไชส์): หากคุณชอบหนังล้อเลียนหนังสยองขวัญ
- Final Destination 3 (2006): แม้จะไม่ใช่หนังตลก แต่ก็มีความสร้างสรรค์ในฉากการตายที่น่าจดจำคล้ายๆ กัน
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: ทำไมหนังถึงชื่อ The Eye 10 ทั้งที่เป็นภาค 3?
A: เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดครับ! เลข “10” ในชื่อเรื่องไม่ได้หมายถึงลำดับภาค แต่หมายถึงหนังสือ “10 วิธีเห็นผี” ที่เป็นหัวใจหลักของพล็อตเรื่องนั่นเองครับ ชื่อสากลของหนังเรื่องนี้คือ The Eye Infinity หรือ The Eye 3
Q: หนังเรื่องนี้น่ากลัวเหมือนภาค 1-2 ไหม?
A: ไม่น่ากลัวเท่าเลยครับ หนังเรื่องนี้เป็น “สยองขวัญ-คอเมดี้” อย่างชัดเจน แม้จะมีฉากที่น่าตกใจอยู่บ้าง แต่โฟกัสหลักอยู่ที่มุกตลกและความป่วนของเหล่าตัวละครวัยรุ่น อย่าคาดหวังความสยองขวัญแบบจริงจังจากภาคนี้ครับ
Q: หนังเรื่องนี้สนุกไหม?
A: ขึ้นอยู่กับว่าคุณคาดหวังอะไรครับ! ถ้าคุณเป็นแฟนตัวยงของความสยองขวัญกดดันแบบภาคแรก คุณอาจจะผิดหวัง แต่ถ้าคุณเปิดใจรับชมในฐานะหนังผี-ตลกวัยรุ่นที่ดูเพลินๆ เรื่องหนึ่ง คุณอาจจะสนุกไปกับมันได้
บทสรุป: The Eye 10 คือภาคต่อที่กล้าจะแตกต่างและเต็มไปด้วยความสนุกสนานในแบบของตัวเอง แม้อาจจะเป็น “แกะดำ” ของแฟรนไชส์ในสายตาแฟนๆ พันธุ์แท้ แต่มันก็เป็นหนังผี-คอเมดี้ที่สร้างสรรค์และมอบความบันเทิงได้ดีเรื่องหนึ่ง