ดูหนัง The Matrix (1999) เดอะ เมทริกซ์
ถ้าจะให้พูดถึงภาพยนตร์ที่สร้างปรากฏการณ์และมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมป๊อปมากที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ ชื่อของ “The Matrix” จะต้องอยู่บนสุดของลิสต์อย่างไม่ต้องสงสัย! ผลงานชิ้นโบแดงของสองพี่น้องวาโชสกี้ ที่ผสมผสานปรัชญาอันลึกซึ้ง, สไตล์สุดเท่แบบไซเบอร์พังก์, และฉากแอ็กชันที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อนได้อย่างลงตัว
เรื่องย่อ
เรื่องราวเล่าถึง โธมัส แอนเดอร์สัน (รับบทโดย คีอานู รีฟส์) โปรแกรมเมอร์หนุ่มผู้ใช้ชีวิตสองด้าน กลางวันเขาคือพนักงานออฟฟิศธรรมดา แต่กลางคืนเขาคือแฮกเกอร์ระดับเทพในโลกใต้ดินที่ใช้นามแฝงว่า “นีโอ” (Neo) เขามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าโลกที่เขาอยู่นั้นมีบางอย่าง “ผิดปกติ” และพยายามจะค้นหาคำตอบของคำถามที่ว่า “เมทริกซ์คืออะไร?”
การค้นหาครั้งนี้นำพาให้เขาได้พบกับ ทรินิตี้ (รับบทโดย แคร์รี-แอนน์ มอสส์) แฮกเกอร์สาวลึกลับ และ มอร์เฟียส (รับบทโดย ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น) ชายผู้เป็นเหมือนตำนานในโลกใต้ดิน มอร์เฟียสได้ยื่นข้อเสนอที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของนีโอไปตลอดกาล นั่นคือการเลือกระหว่าง “ยาเม็ดสีน้ำเงิน” เพื่อลืมทุกอย่างและกลับไปใช้ชีวิตจอมปลอมดังเดิม หรือ “ยาเม็ดสีแดง” เพื่อตื่นขึ้นมาพบกับ “ความจริง”
เมื่อนีโอเลือกยาเม็ดสีแดง เขาก็ได้ตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความจริงอันน่าสะพรึงกลัว ที่ซึ่งมนุษยชาติได้พ่ายแพ้สงครามให้กับเครื่องจักรและถูกจับไปเป็น “แหล่งพลังงาน” โดยที่จิตสำนึกของทุกคนถูกจองจำอยู่ในโลกเสมือนจริงที่เรียกว่า “เมทริกซ์” นีโอคือ “ผู้ปลดปล่อย” (The One) ตามคำทำนายที่มอร์เฟียสเชื่อว่าจะสามารถปลดแอกมนุษย์และยุติสงครามครั้งนี้ได้ เขาจึงต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมกฎของเมทริกซ์และต่อสู้กับเหล่า “เอเจนต์” โปรแกรมสังหารสุดอันตรายที่นำโดย เอเจนต์สมิธ (รับบทโดย ฮิวโก วีฟวิง)
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
ทำความรู้จักทีมงานและนักแสดง
ผู้กำกับ/เขียนบท: พี่น้องวาโชสกี้ (The Wachowskis)
นักแสดงนำ:
อยากติดตามผลงานอื่นๆ ของพวกเขาไหม? ลองค้นหาบนเว็บ Movie24HD ของเราได้เลย!
โปสเตอร์หนัง
รีวิวภาพรวม: ผลงานชิ้นเอกที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติ
“The Matrix” คือภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมในทุกองค์ประกอบอย่างแท้จริง พล็อตเรื่องที่หยิบเอาแนวคิดทางปรัชญา (เช่น โลกแห่งความจริงกับโลกมายา), ศาสนา, และไซเบอร์พังก์ มาผสมผสานกันได้อย่างชาญฉลาดและน่าติดตาม แต่สิ่งที่สร้างปรากฏการณ์และกลายเป็นภาพจำของหนังคือ “ฉากแอ็กชัน” ที่ปฏิวัติวงการไปตลอดกาล ทั้งศิลปะการต่อสู้แบบกังฟูที่สวยงาม, ฉากดวลปืนสุดมันส์, และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิค “Bullet Time” (ภาพสโลว์โมชันหลบกระสุน) ที่กลายเป็นลายเซ็นของหนังและถูกนำไปใช้ในหนังเรื่องอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน การแสดงของทีมนักแสดงทุกคนนั้นสมบูรณ์แบบ คีอานู รีฟส์ ได้สร้างบทบาท “นีโอ” ที่กลายเป็นไอคอนของโลกภาพยนตร์ไปตลอดกาล นี่คือหนังที่ไม่เพียงแต่จะมอบความบันเทิงสุดมันส์ แต่ยังทิ้งคำถามสำคัญให้เราได้ขบคิดถึงโลกและความเป็นจริงที่เราอาศัยอยู่
คะแนนจากนักวิจารณ์:
IMDb: 8.7/10
Rotten Tomatoes: 83% (คะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์)
suryanmukul
⭐ 10/10
นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการภาพยนตร์ เหมือนกับการได้ดูมันอีกครั้งในปี 2020 หลังจากผ่านไป 21 ปี และมันยังคงให้ความรู้สึกสดใหม่ ฉากที่โดดเด่นยังคงเป็นมาตรฐาน ถ้าเราบอกว่ามันเป็นไซไฟที่ดีที่สุด มันก็ไม่ผิดหรอก กระแสตอบรับนั้นแรงมาก ยังไม่ง่ายเลยที่จะเทียบชั้นกับ Matrix ที่เราสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์และวิทยาศาสตร์ แม้กระทั่งฉากต่อสู้และไล่ล่าอันน่าทึ่ง ไม่ใช่แค่ฉากธรรมดาๆ การเปิดรับแสงหลายครั้ง การเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติแบบสโลว์โมชัน โอ้พระเจ้า และก็เข้าใจได้เช่นกันว่าตัวละครกำลังทำอะไรและกำลังเข้าสู่เนื้อเรื่องแบบไหน บทภาพยนตร์เขียนและดำเนินเรื่องได้ดีมาก ไม่เช่นนั้นมันอาจจะเละเทะได้ ต้องขอชื่นชมเป็นพิเศษในการควบคุมธีมด้วยชุดสีดำเหล่านั้น และโซนวิทยาศาสตร์ที่มีอุปกรณ์ประกอบฉากที่เหนือจินตนาการ ทำสิ่งเหลือเชื่อในสองโลกที่สร้างขึ้นมา ไม่มีสปอยล์ แต่ฉากแอ็กชันในไคลแม็กซ์ที่ตัวเอกเข้าไปช่วยใครบางคนจากสายลับนั้นน่าทึ่งจริงๆ เทคโนโลยีที่นำมาใช้นั้นยอดเยี่ยมที่สุด ขอแสดงความนับถือพี่น้องวาชอว์สกี้และทีมงานสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกนี้ มันจะเป็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมและเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่กำลังจะเข้าฉายในอนาคต
coasterdude
⭐ 10/10
ผมมีประวัติและความสัมพันธ์ที่น่าสนใจกับหนังเรื่องนี้ ไม่เคยมีหนังเรื่องไหนที่ทำให้ผมตั้งคำถามถึงธรรมชาติของความเป็นจริงมาก่อนเลย ตอนแรก อาจจะดูเหมือนหนังแอ็คชั่นดีๆ ที่มีเทคนิคพิเศษสุดล้ำสมัย เนื้อเรื่องที่ตื่นเต้นเร้าใจ และน่าติดตาม ซึ่งแน่นอนว่ามันก็เป็นแบบนั้น แต่ตอนที่ผมดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกในปี 2006 ตอนที่ผมอายุ 9 ขวบ และใส่แผ่น DVD เข้าไปในทีวีกล่องเล็กๆ ที่ปลายเตียง ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไรและกำลังจะเจอกับอะไร หนังเรื่องนี้น่าสะพรึงกลัวและน่ากลัวกว่าที่หลายคนคิด โดยเฉพาะกับเด็กเล็กที่หนังเรื่องนี้ใส่ประเด็นทางจิตวิทยาและปรัชญาสำคัญๆ ลงไปในองก์แรก 40 นาทีแรกของ The Matrix บอกตรงๆ ว่าน่ากลัวและลุ้นระทึกในทุกแง่มุมที่ดีและถูกต้อง
ฉากบั๊กสุดเหนือจริงที่มีแมลงบ้าๆ ตัวนั้นเกาะอยู่ พร้อมกับหนวดยาวๆ ที่หมุนวนไปมาด้วยเฟรมเรตที่ดูเหมือนจะสูงกว่าฉากอื่นๆ รอบๆ ตัวมัน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องจากกระจกและเสียงกรีดร้องแบบโลหะที่จมน้ำ ตามมาด้วยฉากตื่นขึ้นในฝักไส้มนุษย์ ตามมาด้วยฉากที่สับสนวุ่นวายอย่าง “คุณนิยามคำว่า ‘จริง’ ได้อย่างไร” ฉากที่แนวคิดเรื่องความเป็นจริงถูกยกขึ้นมาในเครื่องหมายคำพูดและหายไปอย่างรวดเร็ว ฉากที่หนังกำหนดโทนว่า ‘ความเป็นจริงเป็นเพียงสัญญาณไฟฟ้าที่สมองตีความ’ คือสิ่งที่เรามนุษย์สามารถจินตนาการได้มากที่สุดจากสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา แทบจะทำให้แนวคิดของดูน่าเชื่อถืออย่างน่าขนลุก และยังเป็นการสะท้อนถึงวิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ตที่ก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 1999 และความเป็นไปได้ของ VR ในปัจจุบัน (หมายถึง คุณเคยดู Half-Life Alyx ไหม)
และแน่นอนว่าคุณต้องมีคำอธิบายของ Matrix ตามมาด้วย ฉากที่อธิบายเรื่องเมทริกซ์นี้เป็นหนึ่งในฉากที่หนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์อย่างแท้จริง และนั่นคือช่วงเวลาเดียวกับที่ผมรอดชีวิตจากการดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ผมยังเด็ก หนังเรื่องนี้แทรกซึมเข้าไปในหัวผมอย่างแนบเนียน ทำให้ผมแทบแตกสลายจนดูไม่ได้อีกเลย คุณอาจจะคิดว่าการพูดแบบนี้กับหนังคงเป็นเรื่องแย่มาก แต่ไม่ใช่สำหรับเรื่องนี้ The Matrix คือประสบการณ์การดูหนังที่ไม่มีใครเทียบและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะมนุษยชาติคือแก่นแท้ของหนังเรื่องนี้ องก์แรกเปรียบเสมือนการปูทางไปสู่แนวคิดที่สิ้นหวัง เมื่อธรรมชาติของเมทริกซ์ถูกเปิดเผย แต่กลับกลายเป็นว่าแนวคิดนี้กลับตาลปัตร เมื่อเมทริกซ์เองกลายเป็นสถานที่ที่น่าอยู่อาศัยในสายตาของนีโอ และวิวัฒนาการของตัวละคร รวมถึงกลุ่มกบฏที่เขาพบ ซึ่งสอนให้เขารู้จักความเป็นมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ในตัวตนของทุกคนที่ติดอยู่ในนั้น ภายใต้การกดขี่ของเหล่าผู้ควบคุมที่ไร้มนุษยธรรม
เมื่อธรรมชาติที่แท้จริงของเมทริกซ์ถูกเปิดเผย คุณสามารถดัดแปลงมันได้ตามต้องการ แล้วคุณก็จะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ คือสุดยอดเรื่องราวและนิทานเปรียบเทียบของมนุษยชาติที่เอาชนะสถานการณ์อันกดดันและโลกดิสโทเปีย ถูกควบคุมโดยเครื่องจักร และเปี่ยมไปด้วยความเชี่ยวชาญทั้งการเขียนบทและกำกับ การคัดเลือกนักแสดงได้รับการคิดมาอย่างดีเยี่ยม โดยคีอานู รีฟส์ รับบทนีโอได้อย่างยอดเยี่ยม ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น และแคร์รี แอนน์-มอสส์ รับบทสมทบได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนฮิวโก วีฟวิ่ง รับบทวายร้ายไซไฟสุดโหดในบทบาทเอเจนต์สมิธ วายร้ายเอไอผู้เย็นชาและโรคจิต
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณชื่นชอบภาพยนตร์แนวไซไฟ-แอ็กชันที่ล้ำสมัยและน่าขบคิด เราขอแนะนำเรื่องเหล่านี้:
Inception (2010) จิตพิฆาตโลก : ผลงานของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่ว่าด้วยการโจรกรรมความคิดในโลกแห่งความฝัน
Blade Runner (1982) เบลด รันเนอร์ : ตำนานหนังไซไฟ-นัวร์ที่ตั้งคำถามถึงความเป็นมนุษย์ผ่านเรื่องราวของมนุษย์เทียม
Ghost in the Shell (1995) : อนิเมะไซเบอร์พังก์ระดับตำนานจากญี่ปุ่นที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: “Bullet Time” คืออะไรและถ่ายทำอย่างไร?
A: “Bullet Time” คือเทคนิคการถ่ายทำที่ทำให้เกิดภาพสโลว์โมชันในขณะที่กล้องเคลื่อนที่ไปรอบๆ เหตุการณ์ ทำให้ดูเหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้ เทคนิคนี้ทำได้โดยการตั้งกล้องถ่ายภาพนิ่งจำนวนมากเรียงกันเป็นวงกลมรอบตัวนักแสดง และถ่ายภาพต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว แล้วจึงนำภาพทั้งหมดมาเรียงต่อกันในคอมพิวเตอร์ครับ
Q: The Matrix มีกี่ภาค?
A: แฟรนไชส์ The Matrix มีภาพยนตร์ทั้งหมด 4 ภาค ได้แก่ The Matrix (1999), The Matrix Reloaded (2003), The Matrix Revolutions (2003), และ The Matrix Resurrections (2021) นอกจากนี้ยังมีแอนิเมชันขนาดสั้น The Animatrix ที่ช่วยขยายเรื่องราวในจักรวาลนี้อีกด้วย
Q: ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงกลายเป็นตำนาน?
A: เพราะเป็นหนังที่ “มาก่อนกาล” ในทุกๆ ด้าน ทั้งพล็อตเรื่องที่ล้ำสมัย, ปรัชญาที่ลึกซึ้ง, สไตล์ภาพที่เท่เป็นเอกลักษณ์ (เสื้อโค้ทหนังสีดำ, แว่นตาดำ), และเทคนิคพิเศษที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้สร้างอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงให้กับวงการภาพยนตร์และวัฒนธรรมป๊อปมาจนถึงปัจจุบัน