ดูหนัง The Ring 2 (2005) คำสาปมรณะ 2
ทุกท่าน! หลังจากที่ The Ring (2002) สร้างปรากฏการณ์ความหลอนไปทั่วโลก การกลับมาของคำสาปแห่งวิดีโอเทปมรณะจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอย และที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการได้ ฮิเดโอะ นากาตะ ผู้กำกับจาก Ringu (1998) ภาคต้นฉบับของญี่ปุ่น มาเป็นผู้กุมบังเหียนเอง! แต่การกลับมาครั้งนี้จะสามารถสานต่อความสยองได้หรือไม่ วันนี้เราจะมา “ดูหนัง” และหาคำตอบกันครับ
เรื่องย่อ
6 เดือนหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก ราเชล เคลเลอร์ (นาโอมิ วัตส์) และลูกชายของเธอ ไอเดน (เดวิด ดอร์ฟแมน) ได้ย้ายบ้านหนีจากซีแอตเทิลมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองเล็กๆ อันเงียบสงบในรัฐออริกอน เพื่อหวังจะทิ้งฝันร้ายทั้งหมดเกี่ยวกับ “ซามาร่า” และวิดีโอต้องคำสาปไว้ข้างหลัง แต่ดูเหมือนว่าความชั่วร้ายจะยังคงตามติดพวกเขามา… เมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมปริศนาของวัยรุ่นในเมือง และราเชลก็ได้ค้นพบ “วิดีโอเทปมรณะ” อีกครั้ง เธอจึงรู้ในทันทีว่าคำสาปของซามาร่ายังไม่จบสิ้น แต่ครั้งนี้… ซามาร่าไม่ได้ต้องการจะ “ฆ่า” เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป The Ring 2 แต่วิญญาณร้ายของเธอกลับต้องการที่จะ “มีชีวิต” และเธอก็ได้เลือกเอาร่างของ “ไอเดน” มาเป็นภาชนะใหม่! ไอเดนเริ่มมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาด, อุณหภูมิร่างกายลดลง, และหวาดกลัวน้ำอย่างรุนแรง ราเชลจึงต้องเริ่มต้นการต่อสู้ครั้งใหม่ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่แค่การแข่งกับเวลา 7 วัน แต่คือการต่อสู้เพื่อแย่งชิง “วิญญาณ” ของลูกชายเธอกลับคืนมาจากอ้อมกอดของผีร้ายซามาร่า movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงนำและผู้กำกับ
นาโอมิ วัตส์ (Naomi Watts) กลับมารับบท ราเชล เคลเลอร์
เดวิด ดอร์ฟแมน (David Dorfman) กลับมารับบท ไอเดน เคลเลอร์
ไซมอน เบเกอร์ (Simon Baker) รับบทเป็น แม็กซ์ รูร์ค
ซิสซี่ สเปซเซค (Sissy Spacek) (จาก Carrie ) ในบทบาทรับเชิญสำคัญ
ผู้กำกับ: ฮิเดโอะ นากาตะ (Hideo Nakata) ผู้กำกับในตำนานจาก Ringu (1998) ต้นฉบับญี่ปุ่น ซึ่งการที่เขามากำกับภาคต่อของเวอร์ชั่นอเมริกาเอง ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างมากสำหรับแฟนๆ
โปสเตอร์หนัง
รีวิวและบทวิเคราะห์
น่าเสียดายที่ The Ring 2 คือตัวอย่างคลาสสิกของ “ภาคต่อที่น่าผิดหวัง” แม้จะได้ผู้กำกับต้นฉบับมาเองก็ตาม
สูญเสียความลึกลับ: สิ่งที่ทำให้ภาคแรกน่ากลัวคือ “ความไม่รู้” และ “บรรยากาศ” ที่กดดัน แต่ภาคนี้กลับพยายามจะ “อธิบาย” ที่มาที่ไปของซามาร่ามากเกินไป จนทำลายความน่ากลัวและความลึกลับของตัวละครผีไปจนหมดสิ้น
เปลี่ยนแนวทางไปสู่หนังสยองขวัญดาษดื่น: หนังละทิ้งความน่ากลัวเชิงจิตวิทยาที่ต้องแข่งกับเวลา แล้วหันไปเล่าเรื่องแนว “ผีเข้า” (Possession) ที่ผู้ชมคุ้นเคยกันดี ทำให้ขาดความสดใหม่และน่าจดจำ ฉากสยองขวัญในเรื่องนี้จึงเน้นไปที่ Jump Scare แบบฮอลลีวูดทั่วไป มากกว่าความหลอนที่ค่อยๆ คืบคลานแบบ J-Horror
ฉาก CGI ที่ไม่เข้าพวก: มีฉากที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักคือ “ฉากกวาง” ที่ใช้ CGI ซึ่งดูแปลกและไม่เข้ากับโทนเรื่องที่ควรจะสมจริงและกดดัน
โดยรวมแล้ว หนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหนังผีฮอลลีวูดทั่วไป ที่บังเอิญมีตัวละครจาก The Ring อยู่ในนั้น มากกว่าจะเป็นภาคต่อที่แท้จริง
IMDb: ให้คะแนน 5.4/10
Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์เพียง 20% ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความล้มเหลวในสายตานักวิจารณ์และแฟนๆ ส่วนใหญ่
SnoopyStyle
⭐ 6/10
ไอแดน (เดวิด ดอร์ฟแมน) และเรเชล (นาโอมิ วัตต์ส) ย้ายไปอยู่เมืองเล็กๆ ในรัฐโอเรกอน แต่ดูเหมือนว่าวิดีโอเทปจะตามพวกเขาไปหลังจากที่เรเชลพบการตายแปลกๆ อีกครั้ง เรเชลหยิบเทปไปเผา ซามาราเริ่มตามล่าไอแดน และเรเชลต้องขุดคุ้ยอดีตเพื่อยุติเรื่องราว ข้อดีของภาคต่อนี้คือนักแสดงกลับมาเพื่อปิดฉากเรื่องราว น่าสนใจที่ได้ย้อนกลับไปที่เรื่องราวต้นเรื่อง อย่างไรก็ตาม แฟรนไชส์ไม่สามารถสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมได้อีกต่อไป แม้จะมีไอเดียแปลกใหม่ในภาคแรก แต่ภาคต่อก็ไม่สามารถทำให้เราตกใจได้อีกต่อไป ถือเป็นการสรุปที่ดี ฉันหวังว่าพวกเขาจะไม่ยืดเยื้อเหมือนแฟรนไชส์อื่นๆ
snow0r
⭐ 6/10
The Ring เป็นหนังเรื่องโปรดของผมในปี 2002 เป็นหนังสยองขวัญที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมาในรอบหลายปี และหลังจากนั้นผมก็ดูและสนุกกับหนังญี่ปุ่นทุกเรื่อง (ยกเว้น Ring 0 – นั่นมันอะไรกันเนี่ย?) เช่นกัน พอได้ยินว่าผู้กำกับหนังภาคแรกเตรียมสร้าง “รีเมค” ภาคสอง ผมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ลองนึกภาพดูสิว่าเขาจะทำอะไรได้บ้างถ้ามีงบประมาณที่มากขึ้นและเทคโนโลยีที่ดีขึ้น? อย่างไรก็ตาม มันยังห่างไกลจากภาคแรกมาก และการปรับปรุงต่างๆ ก็ไม่ได้ปรากฏให้เห็น (CGI เหมือนเดิม นักแสดงระดับ C-list ของ Hallmark Channel) หนังเรื่องนี้ทำให้รู้สึกประหม่าตลอดเรื่อง แต่ฉากสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นจริงนั้นน้อยเกินไป และดูเหมือนจะจริงจังกับตัวเองมากเกินไป เห็นได้ชัดเจนมากตอนที่เด็กสุดหลอนในโรงหนังต้องเข้าโรงพยาบาล แล้ว The Ring 2 ก็กลายเป็นดราม่าการทารุณกรรมเด็กไปประมาณยี่สิบนาที ทำให้คุณอดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อไหร่หนังจะกลับมาสนุกอีกครั้ง หนังเรื่องนี้ยังเป็นหนังประเภทที่บังคับให้คุณต้องดูภาคแรกซ้ำก่อนไปดูด้วยซ้ำ การเปิดเรื่องดูไม่สมเหตุสมผลเลย เว้นแต่คุณจะเคยดู “Rings” ในดีวีดี Collectors Edition มาแล้ว และยังมีอีกหลายอย่างที่คุณอาจลืมไปได้ง่ายๆ ถ้าคุณดูหนังเรื่องนี้เมื่อสามปีก่อน ก็โอเคนะ มันเป็นหนังสยองขวัญภาคต่อที่นำมาสร้างใหม่ ดังนั้นอย่าคาดหวังมากเกินไปและจะไม่ผิดหวัง แต่คุณก็อดคิดไม่ได้ว่ามันน่าจะทำได้ดีกว่านี้อีกหน่อย
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณอยากชมหนังสยองขวัญที่มีคุณภาพมากกว่า เราขอแนะนำ:
The Ring (2002) : ภาคแรกที่ยอดเยี่ยมกว่าในทุกมิติ
Ringu (1998) : ต้นฉบับมาสเตอร์พีซจากญี่ปุ่น
The Grudge 2 (2006) : อีกหนึ่งภาคต่อของหนังรีเมค J-Horror ที่ล้มเหลวไม่แพ้กัน
Insidious: Chapter 2 (2013) : หนังสยองขวัญภาคต่ออีกเรื่องที่พยายามจะอธิบายปูมหลังของผี ซึ่งก็ได้รับเสียงวิจารณ์ที่แตกออกไปเช่นกัน
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: ต้องดูภาคแรกก่อนไหม?
A: จำเป็นอย่างยิ่งครับ! เพราะเรื่องราวทั้งหมดคือการสานต่อโดยตรงจากภาคแรก ถ้าคุณไม่ได้ดูภาคแรกมาก่อน คุณจะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมราเชลกับไอเดนถึงต้องมาเจอเรื่องราวเหล่านี้ และจะไม่ผูกพันกับตัวละครเลย
Q: จริงเหรอว่าผู้กำกับคนเดียวกับ Ringu ภาคญี่ปุ่นต้นฉบับ?
A: จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนๆ ผิดหวังมากที่สุด เพราะคาดหวังไว้สูงมาก แต่ดูเหมือนว่าสไตล์การทำหนังแบบ J-Horror ของเขาอาจจะไม่สามารถเข้ากันได้ดีกับระบบการทำงานของสตูดิโอฮอลลีวูด ทำให้ผลลัพธ์ออกมาน่าผิดหวัง
Q: หนังเรื่องนี้น่ากลัวเท่าภาคแรกไหม?
A: ความเห็นส่วนใหญ่คือ “ไม่เท่าอย่างสิ้นเชิง” ครับ หนังเรื่องนี้ขาดบรรยากาศที่กดดันและความน่ากลัวเชิงจิตวิทยาที่ภาคแรกทำไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม และหันไปใช้ Jump Scare แบบธรรมดาๆ แทน คนส่วนใหญ่จึงรู้สึกว่าภาคแรกน่ากลัวกว่ามาก
บทสรุป: The Ring Two คือภาคต่อที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานที่น่าชื่นชม แต่กลับล้มเหลวในการสานต่อมนต์ขลังของภาคแรก เป็นบทเรียนที่ว่าบางครั้ง “การอธิบายที่มาที่ไปของผีมากเกินไป ก็อาจจะทำลายความน่ากลัวของมันไปจนหมดสิ้น” เหมาะสำหรับแฟนๆ ที่ต้องการจะดูให้ครบทุกภาคเท่านั้น